เห็นมาสักระยะแล้ว และอ่านบทความจากหลายๆ ว่าด้วย คนรุ่นใหม่ ไม่ดูทีวีกันเท่าไหร่แล้ว เพราะการมาของสื่อใหม่ ที่ทันสมัยและรวดเร็วในการรับชมและถูกจริตกันเป็นรายบุคคลได้มากกว่าเดิม
ก็ไม่ใช่แค่คนรุ่นใหม่หรอก แต่คนรุ่นเก่าก็ดูกันน้อยลง
เอาจริงๆ มันก็ไม่ใช่ทีวีหรอกที่หมายถึงกัน คำว่าทีวีก็คงหมายถึงรูปแบบรายการเดิม ๆ ที่ต้องดูกันบนทีวีอย่างเดียว แต่ยุคนี้สมัยนี้แล้ว จะดูผ่านอุปกรณ์ไหนก็ได้แล้ว แล้วรายการทีวีทั้งหลายก็ปรับตัวเอาบนทีวีมาลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์กันไปเยอะแล้ว
สุดท้ายก็เป็นการช่วงชิง ผลิตคอนเทนท์ (เนื้อหารายการ) ให้โดนใจคนผู้ชม โดยมีผู้ลงมาร่วมเล่นกันเยอะขึ้นในแบบที่มีคนแจ้งเกิดมาได้ทุกเมื่อ
หนึ่งในนั้นก็คงเป็น “รายการข่าวภาคค่ำ” ที่เปลี่ยนไปและปรับปรุงไปไกลจากเดิมมากๆ
เมื่อก่อนไม่ว่าข่าวภาคเช้า ข่าวภาคค่ำ หรือ ข่าวภาคไหนๆ ก็เป็นการรายข่าวไปตามเหตุการณ์ จนกระทั่งเกิดปรากฏการณ์เล่าข่าว อย่าง “พี่ยุทธ” สรยุทธ สุทัศนะจินดา นั่นล่ะครับ ทำให้วงการข่าว ดึงผู้ชมในช่วงไพร์มไทม์มาบ้าง
ข่าวเช้าก็ดูดี ช่วงเย็น ถึงค่ำ มีรายการสัมภาษณ์ แต่นั่นก็ยังเป็นรองละครอยู่ดี เพราะเป็นเบอร์ใหญ่ในแต่ละช่องที่หลายๆ รายการต้องหลีกทางให้
แต่มาถึง พ.ศ. นี้ ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว
ทุกวันนี้ ข่าวไทยรัฐ หรือ ข่าวอัมรินทร์ ช่วงไพร์มไทม์นี่เล่าข่าว เล่นประเด็นดราม่ากันยาวๆ แล้ว แถมมีเทคโนโลยี เอนิเมชั่น มาช่วยเพิ่มอรรถรส ให้ชาวบ้านชาวช่องจินตนาการแบบเห็นภาพประกอบการเล่าข่าวของนักข่าว
คนใกล้ตัวอย่างแม่ผมนี่แหละ ตามข่าว “น้องชมพู่” มาตลอด แถมบอกว่า ไม่ดูแล้วละคร ไม่มีอะไรให้ดู ดูข่าวนี้ดีกว่า
ก็เพราะมีความใส่ดราม่า เอนิเมชั่น และ เหมือนการดูเรียลริตี้ตามติดชีวิตครอบครัวคนในข่าว
ติดกันงอมแงมเลยล่ะทีนี้ !!!
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ