หลังจากประกาศชุมนุมใหญ่ไปวันที่ 14 ตุลาคม 2563 ซึ่งก็เกือบจะผ่านไปได้ด้วยดีอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเหตุการณ์มารวบแกนนำอย่าง อานนท์ นำภา, เพนกวิ้น, รุ้ง รวมถึงคนที่โดนจับไปก่อนหน้านี้อย่าง ไผ่ ดาวดิน, แอมมี่ The Bottom Blues กับอีก 19 คน
จากที่คาดการณ์กัน วันที่ 14 ตุลา ตรงกับวันทำงาน โรงเรียนเปิด อาจทำให้คนมาร่วมชุมนุมน้อย ที่บางคนจากฝั่งรัฐบอกอาจมาไม่ถึงหมื่นนั้น
ดูจากภาพที่เห็นแล้วคิดว่าเกินหมื่นไปเยอะ และแม้ในระหว่างวันจะโดนปั่นป่วนจากพวกจัดตั้งจากฝั่งรัฐบาล อย่างตำรวจ, ข้าราชการ, พนักงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงพลเรือนคลั่งสีเหลืองก็ตามที เล่นกันแม้กระทั่งจงใจจัดเส้นทางขบวนเสด็จมาใกล้ม็อบเลยทีเดียว
แต่ก็ไม่ได้ทำให้การชุมนุมของ “คณะราษฏร์” ลดน้อยลงแต่อย่างใด
ฝั่งรัฐบาลเองก็คิดแบบโบราณๆ แค่จับแกนนำ ไม่มีคนนำทุกอย่างก็คงสงบลงบ้าง แต่หารู้ไม่ยุคนี้ไม่มีแกนนำชุมนุมแล้ว คนยุคใหม่เค้าอยากมาแสดงพลังให้เห็นถึงการ “ไม่เห็นด้วย” เค้าอาจไม่มีอยากมาฟังแกนนำพูดอะไรมากหรอก เพราะทุกอย่างเค้ารับรู้เรื่องราวไปแทบกันหมดแล้วจากอินเตอร์เนต
มันไม่ใช่ยุคไฮปาร์ค ต้องมีคนปราศรัยตลอดเวลา พอขาดคนปราศรัยชี้นำแล้วจะไม่มีคนมาร่วมชุมนุม มันคนละยุคสมัยกันแล้วล่ะครับ
สมัยนี้ Twitter ติด Hashtag เดียวกัน แป๊ปๆ เด็กๆ สื่อสารถึงกันเรียบร้อยแล้ว จะนัดกันไปไหน จะเลิกเมื่อไหร่ จะกลับเมื่อไหร่ โคตรจะยืดหยุ่นเลยล่ะครับบบ
และจากที่ลงไปร่วมสังเกตุการณ์ชุมนุม เทียบกับม็อบตั้งแต่ ปี 48 เป็นต้นมา การชุมนุมของปี 63 นี่เป็นพลังของคนรุ่นใหม่แล้วจริงๆ พลังของคนหนุ่ม-สาว ที่พวกเค้าจะก้าวเป็นกำลังหลักของชาตินั่นล่ะครับ
มันไม่ใช่การชุมนุมกำหนดอนาคตโดยการชี้นำโดยสาวก, พรรคการเมือง อีกต่อไปแล้ว สิ่งที่พวกเค้าต้องการแค่คนจุดประกาย
ซึ่งยุคนี้แล้ว ใครๆ ก็จุดประกายกันได้ทั้งนั้น ไม่ต่างจาก YouTuber หรือเหล่า Influencers ต่างๆ ที่โด่งดังได้เทียบเท่าดารากันนั่นแหละครับ
แต่สิ่งที่ยังไม่รู้และยังคาดเดาไม่ออกว่า เกมส์นี้จะปิดและจบลงแบบไหน ประเทศชาติจะหันไปทางไหน ก็ยังมองไม่ออกจริงๆ เพราะเหล่าผู้มีอำนาจในปัจจุบันนั้น
หน้าด้านหน้าทนกว่าที่คิดจริงๆ
แต่ก็ขอเอาใจช่วยให้นักเรียกร้องประชาธิปไตยให้พบกับความสำเร็จในเร็ววันนะครับ!
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ