หลังจากที่เมื่อวานโดนแกงมันหม้อเบ้อเริ่ม วันนี้ก็มาถึงวันประกาศ “นัดชุมนุมใหญ่” อีกครั้งนึง จากเดิมนัดกันเหมือนเดิมที่สถานีรถไฟฟ้าทุกสถานี 15:00
จากนั้นก็ประกาศอีกครั้ง เวลา 16:00 น. เจอกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ประชาชน, นักเรียน, นักศึกษาก็มากันมากกว่าที่แอบคิด
จากข่าวประกาศจะปิด Voice TV บนทุกแพลทฟอร์ม และ ประกาศปิดเพจที่นำการเคลื่อนไหวอย่าง “เยาวชนปลดแอก – Free YOUTH” ทำให้สร้างความไม่พอใจในการใช้อำนาจบาตรใหญ่ในทางที่ผิดของหน่วยงานรัฐบาล พอความไม่พอใจมาสู่ประชาชนมากขึ้น การต้องการแสดงออกมากยิ่งขึ้นตามมาด้วย
พอสักช่วงสี่โมงหน่อยๆ ประชาชนก็เริ่มลงถนนล้อมรอบอนุสาวรีย์ฯ และจากนั้นอีกไม่นานเมื่อจำนวนคนมากพอ ก็ประกาศเตรียมเคลื่อนพลไปทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือที่ร่างมาแล้วให้แก่นายกรัฐมนตรี ซึ่งหนังสือนั้นคือ
หนังสือลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี
การเคลื่อนขบวนแม้จะโดนปิดกั้นจากเจ้าหน้าที่ปราบจราจล ที่ยืนขวางพร้อมแบริเออร์และลวดหนาม ทำให้ขบวนมีอุปสรรคบ้าง แต่แล้วจำนวนผู้ชุมนุมยังไงก็เยอะกว่าจำนวนเจ้าหน้าที่ ประกอบกับการร่วมมือร่วมใจของเหล่าประชาชนเป็นอย่างดี ที่นำพาการยื่นหนังสือได้สำเร็จ
ปราศจากการกระทบกระทั่งกันรุนแรง มวลชนพยายามช่วยกันลดอารมณ์เหล่าผู้ชุมนุมกันเอง พยายามไม่ให้ปะทะกับตำรวจ นับว่าเป็นครั้งแรกในการชุมนุมเลย ที่ไม่มีแกนนำหลัก แต่สามารถนำความหลากหลายอุดมการณ์ แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือ “ระบอบประชาธิปไตยที่กษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ” ผ่านการชุมนุมในวันนี้ได้สำเร็จ
แล้วอีก 3 วันมารอดูคำตอบกันอีกที
ส่วนเหตุการณ์ที่อื่นๆ ที่เป็นการพูดถึงอยู่ คือ ที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มีเหล่าผู้ชุมนุมปราศรัยจำนวนไม่มาก แต่เหล่านั้นเป็นกลุ่มนักเรียนหญิงที่ใส่ชุดเนตรนารี ถ้าให้พูดก็เด็กมัธยมต้นนั่นแหละครับ
แต่ดันมีผู้ใหญ่ใจร้ายใส่เสื้อเหลือง เข้ามาป่วนการปราศรัย ขับไล่ให้ออกจากพื้นที่ ให้กำลังขมขู่จนต้องเลิกกันไป
นี่แหละครับ ความอำมหิตในคราบคนดีเสื้อเหลือง
จะให้บอกว่าอคติก็ได้ ไม่ว่ากัน ผมมองว่าคนเสือเหลืองที่มาชุมนุมกันตั้งแต่ม็อบกู้ชาติขับไล่ ทักษิณ ยันเป็น พธม. ขับไล่ สมัคร-สมชาย ที่ลือชื่อในการปิดสนามบินแล้วคดีไม่คืบ จนมาเป็นสลิ่มกลายร่างจากเหลือง เป็นฟ้า เป็นเขียว เป็นขาว ของหมอตุลย์ และร่างล่าสุด กปปส.นำโดยกำนันแขนค็อก “เทพเทือก” ขับไล่นายกปู
ในม็อบพวกนี้มีความรุนแรง มีคนเสียชีวิตจากผู้ชุมนุมเองอยู่ตลอด แม้พวกนี้จะรุนแรงแค่ไหน แต่สื่อที่ออกไปก็มองว่าพวกนี้ทำเพื่อปกป้องสถาบัน ยิ่งสมัยนั้นสื่อออนไลน์ยังไม่มีอิทธิพลเท่านี้
ภาพความรุนแรงเลยไปตกที่เสื้อแดงซะส่วนใหญ่ แต่ยังไงผมว่า ฝั่งตรงข้ามเสื้อแดงนั้นโหดเหี้ยมกว่าเยอะ
แต่ที่เสื้อแดงถูกมองว่ารุนแรงป่าเถื่อน เพราะว่า เป็นการตอบโต้จากการยั่วยุ ประกอบกับสื่อเลือกข้างเสียมากกว่า กว่าประชาชนจะมาเข้าใจคนเสื้อเป็นในปี 52-53 ก็รอมาเป็น 10 ปี ถึงจะมาเห็นว่าเค้าจัดการคนที่เค้า “ไม่รัก” ยังไง กับผู้ชุมนุมปี 63 นี้
แต่ขอโทษ ไอ้โฆษณาชวนเชื่อ ล้างสมองแบบโบราณมันใช้ไม่ได้แล้ว เด็กยุคหลังจากนี้ไปจะเปลี่ยน mindset ต่อพวกคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว!!!
“เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ!!!!”
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ