Ashfall หรือชื่อไทย “นรกล้างเมือง” ภาพยนตร์เกาหลีฟอร์มยักษ์เรื่องนึงแห่งปี 2019 เป็นปีเดียวกับสุดยอดหนังแห่งปีนั้นอย่าง “Parasite – ชนชั้นปรสิต” ของ บง จุนโฮ
เนื้อเรื่องว่าด้วยการเกิดเหตุภัยพิบัติภูเขาไฟแพ็กตูในประเทศเกาหลีเหนือติดกับพรมแดนของประเทศจีนกำลังจะเกิดระเบิดขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบให้ประเทศเกาหลีใต้ล่มสลายไปด้วย จึงต้องทำการแทรกซึมทางการทหารเข้าไปใช้นิวเคลียร์ระเบิดภูเขาไฟเพื่อระบายแรงดันของการะเบิดของภูเขาไฟให้ลดลง เพื่อยับยั้งการเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับทั้งสองประเทศ
ฟังดูเนื้อเรื่องน่าตื่นเต้นดีใช่มั้ยล่ะครับ ปฏิบัติการแทรกซึมทางการทหารของเกาหลีใต้ไปยังเกาหลีเหนือ นอกนั้นยังมีกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังของเกาหลีเหนือ-ใต้ อย่าง อเมริกาและจีน เข้ามาเอี่ยวด้วยอีกต่างหาก
แต่พอมาพาร์ทการดำเนินเรื่องแล้วไม่ได้สนุกอย่างที่คิด หลายๆ อย่างทำออกมาได้รู้สึกเสียดายของมากอีกต่างหากอย่างเช่น
งานภาพ
เนื่องด้วยเป็นหนังเกี่ยวกับภัยพิบัติ จึงยากที่จะหลีกเลี่ยงโชว์ความเสียหายของตึกรามบ้านช่อง จึงต้องใช้ CGi มาช่วยในส่วนนี้ แต่บางฉากที่เห็น CG ลอยมาจนขาดความน่าเชื่อถือ แต่ฉาก Action ยิงปืนก็ทำออกมาได้ใกล้เคียง Hollywood เลย
การเล่าเรื่อง
ด้วยการพยายามทำเรื่องออกไปแนวทางฝั่ง Hollywood อย่าง Armageddon (1998) ของไมเคิล เบย์ คือจะรวบให้มีดราม่า, แอ็คชั่น, การร่วมมือกันกอบกู้โลก ในจบในเรื่องเดียวนั้น พอยัดเข้ามาเยอะจนล้นเกินไป แม้หนังจะมีความยาว 2 ชั่วโมง 10 นาที ก็ทำให้หนังดูน่าเบื่อไปในทันที
ในพาร์ทของนักวิชาการก็ขาดความน่าเชื่อถือจนจะมาอ้างอิงในหนังได้ ถ้าแค่นี้ตัดออกไปยังได้ ส่วนทีมที่ต้องไปแทรกซึมในงานที่ซีเรียสระดับชาตินั้น กับเป็นทีมที่กิ๊กก๊อกอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นสิ่งที่เอามาเป็นตลกได้เลยสำหรับตัวละครชุดนี้ถือว่าพลาดอย่างมาก นี่ยังไม่เล่าถึงตัวละครอื่นๆ ที่ยัดเข้ามาทำไมก็ไม่รู้อีก
สรุปให้
ถ้ามีเวลาว่าง ดูขำๆ เอาบันเทิงไปก็พอได้กับเวลา 2 ชั่วโมง 10 นาที แต่สำหรับผมใช้เวลาดู 3 วันกว่าจะจบ และรู้สึกว่า ยังไปไม่ได้สุดสักทาง ไม่ว่าจะเป็น ดราม่า หรือ แอคชั่น และไม่มีอะไรให้น่าจดจำหรืออยากกลับมาดูอีกสำหรับหนังเรื่องนี้
ตัวอย่าง Ashfall
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ