“Audioslave – ออดิโอสเลฟ” วงที่ก่อตั้งขึ้นมาในช่วงต้นปี 2000 ซึ่งเป็นการรวมตัวของสองวงร็อคที่ประสบความสำเร็จในช่วงยุค 90 โดยทั้งสองวงที่ว่านั้นเกิดอาการวงแตกแยกทางกันแล้วจากวงเดิมของทั้งคู่ในขณะนั้น
เริ่มด้วย Chris Cornell – คริส คอร์เนลล์ นักร้องนำ/นักแต่งเพลง จากวงอัลเตอร์เนทีฟชื่อดังจาก ซีแอตเติล “Soundgarden” ช่วงปี 1994-1995 เป็นปีที่ประสบความสำเร็จสูงสุดกับอัลบั้ม “Superunknown” ส่วนสาเหตุที่วงแตกก็เพราะเรื่องแนวคิดในการทำเพลงในอัลบั้มถัดมา รวมถึงการเบื่อหน่ายการออกทัวร์ในระดับ “Worldtour” ซึ่งทำให้บรรยากาศในวงดูเครียดๆ และ ปี 1997 ก็แยกย้ายกันไปในที่สุด
ตามมาด้วย 3 นักดนตรีจากวง “Rage Against the Machine” ได้แก่ Tom Morello – ทอม โมเรลโล่ (กีต้าร์), Tim Commerford – ทิม คอมเมอร์เฟิร์ด (เบส), และ Brad Wilk – แบรด วิล์ค (กลอง) ทั้งสามคนนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังในแนว Rap Metal ในช่วงปี 1992-2000 ประสบความสำเร็จด้วยยอดจำหน่ายระดับ “ทริปเปิ้ลแพลตินั่ม – triple platinum” เลยทีเดียว
ส่วนสาเหตุที่วงแตกนั้น Zack de la Rocha นักร้องนำได้ออกมาประกาศลาออกจากวงในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2000 ว่า พวกเขาทั้งสี่มีความเห็นไม่ตรงกันในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องการทำเพลงหรือแนวคิดทางการเมืองก็ตาม ส่วน ทอม โมเรลโล่ บอกว่า “แม่งเถียงกันได้ทุกเรื่องจริงๆ แม้จะกระทั่งลายเสื้อยืดที่จะใส่ขึ้นแสดงก็ยังเถียงกัน 😂”
แต่นั่นหละ…สุดท้ายเป็นนักร้องออกที่แยกออกไปคนเดียว ส่วนที่เหลือสามคนนั้นยังเกาะกลุ่มกันแน่นเหมือนเดิม
การเดินทางมาเจอกัน
ปี 2000 หลังจาก “แซค” ออกจากวงไป ทั้ง 3 หน่อที่เหลือจาก RATM ยังเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่น และประกาศหานักร้องใหม่มาแทนที่ทันที นักร้องหลายๆคนที่ว่างงานในขณะนั้นก็มาร่วมแจมกับวงอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน
อย่าง B-Real จากวง Cypress Hill ก็เคยมา แต่แล้วทางวงก็ไม่อยากได้นักร้องแร็พเหมือนอย่างบัก “แซค” อีกแล้ว คงอยากจะเปลี่ยนสไตล์ของวงด้วยล่ะ ลองชวน Layne Staley นักร้องนำ Alice in Chains ที่ห่างหายไปจากวงการในช่วง 1996 เนื่องจากปัญหาการติดยา แต่รอจนแล้วจนเล่าเขาก็ไม่โผล่มาออดิชั่นแต่อย่างใด (Layne Staley เสพยาเกินขนาดจนเสียชีวิตในอีก 2 ปีถัดมา)
จนกระทั่งโปรดิวเซอร์มือพระกาฬ “Rick Rubin – ริค รูบิน” แนะนำให้ทั้งสามหน่อเข้าไปรับการบำบัดกับโค้ชที่เชี่ยวชาญด้านการแสดง ซึ่งน่าจะดีกับทั้งสามคนหลังจากอยู่ในภาวะวงแตก
รวมถึงยังแนะนำให้ทั้งสามคนลองแจมกับ คริส คอร์เนลล์ ซึ่งเขามั่นใจว่าเสียงอันมีเสน่ห์ของคริส จะเหมาะกับดนตรีของสมาชิก RATM ที่เหลือ และมั่นใจว่าจะเป็นวงที่ดีกว่า RATM หรือ Soundgarden อีกด้วย เปรียบเปรยไปถึงว่าเหมือนที่วง Yardbirds ไปเป็น Led Zeppelin แบบนั้นเลย
เมื่อ คริส,ทอม, ทิม และ แบรด ได้มาร่วมแจมกันครั้งแรก ทอม ถึงกับบอกว่าเมื่อได้ยินเสียงของคริสในการแจมครั้งแรก เขานั้นทึ่งมากๆ กับเสียงของคริส ไม่ใช่ว่าเสียงนั้นดีขนาดเลิศเลอจนเพอร์เฟค แต่มันเหนือไปกว่านั้นอีก เมื่อมีความรู้สึกถึงเคมีที่ลงตัวของทุกคนที่ต้องออกมาดีแน่ๆ มันก็คงยากที่จะปฏิเสธคริส ,ทอมกล่าว
หลังจากรวมตัวกันซ้อมได้ 19 วัน ทั้งสี่คนได้ทำเพลงไว้ถึง 21 เพลง (ไฟแรงสัส) และเริ่มทำอัลบั้มกันในสตูดิโอในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2001 ซึ่งโปรดิวเซอร์จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ริค รูบิ้น” นั่นแหละครับ
แต่นั่นก็ยังไม่มีชื่อวงอย่างเป็นทางการหรอกนะครับ
เริ่มรวมตัวก่อนจะมาเป็น Audioslave
ก่อนที่คริส คอร์เนลล์ จะมาร่วมกับสามาชิกที่เหลือทั้ง 3 จาก RATM นั้น เขาได้แจ้งเจตจำนงค์แบบชัดเจนไปว่า เค้าจะไม่ทำวงดนตรีที่เป็นแนวทางการเมืองเหมือนอย่างที่ RATM เคยเป็น
หลังจากตกลงกันได้ก็เริ่มทำอัลบั้มในเดือนพฤษภาคม 2001 โดยยังไม่มีชื่อวงเป็นทางการเสียด้วยซ้ำ
อีก 1 ปีถัดมาแม้อัลบั้มยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดีก็ตาม แต่ก็ถูกเด็กฝึกงานมือดีที่ Bad Animal Studio ในซีแอตเติ้ล ขโมยเดโม่ของวงมาปล่อยในอินเตอร์เนต
เพลงที่หลุดออกมาในเนตตอนนั้น มีชื่อวงว่า “Civillian” หรือ “The Civillian Project”
ตามมาด้วยข่าวลือออกมาว่า คริส คอร์เนลล์ แยกทางกับสามหนุ่มจาก RATM เนื่องจากมีปัญหาภายในกันระหว่างผู้จัดการวงของคริส และ RATM สุดท้ายเมื่อทางวงทำอัลบั้มเสร็จก็เลยตัดสินใจไล่ผู้จัดการทั้งสองออกและจ้างสำนักงานกฏหมายมาดูแลแทน
ส่วนชื่อวงนั้น ทั้ง 4 คนตกลงกันไว้ว่าจะใช้ชื่อวง “Civillian” แต่แล้วก็พบว่าชื่อนี้มีวงอื่นใช้ไปแล้ว คริส เลยเสนอว่าใช้ชื่อ “Audioslave” แทน
อีกหนึ่งเรื่อง ชื่อ “Audioslave” แม้ว่าชื่อนี้ก็มีวงจากอังกฤษใช้ไปแล้ว แต่ตอนนั้นน่าจะยังไม่เป็นที่รู้จัก แม้แต่คริส คอร์เนลล์หรือคนอื่นๆ ก็ตาม สุดท้ายเมื่อ Audioslave ของฝั่งอเมริกามีชื่อเสียงมากกว่า Audioslave ฝั่งอังกฤษเลยยอมเปลี่ยนชื่อวงเป็น “The Most Terrifying Thing” แทนซะเลยดีกว่า
เปิดตัว Audioslave และ Cochise
และแล้วหลังปั้นอัลบั้มกันมาได้ปีเศษๆ ในช่วงเดือนกันยายน 2002 ก็ได้ประกาศชื่อวง “Audioslave” และตามมาด้วยการปล่อยซิงเกิ้ล “Cochise” อย่างเป็นทางการในเว็บไซต์ของวง ส่วนคลื่นวิทยุเริ่มปล่อยกันในเดือนตุลาคมปีเดียวกันนั่นแหละครับ
เมื่อเพลงได้ถูกปล่อยออกมาเป็นทางการ ก็ได้รับคำวิจารณ์ไปในทางที่ดีสำหรับเสียงร้องของคริสและภาคดนตรีจากอดีตสมาชิก RATM ที่ไม่มี “แซค” มาแร็พอีกแล้ว
“Cochise” เพลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการของวง ในภาคของดนตรีนั้น สิ่งที่เด่นออกมาในตอนอินโทร ก็คือ Riff กีต้าร์ของทอม ที่ทำเอาแฟนๆ RATM ถูกใจแน่นอน เพราะทอมเอาริฟท์อันนี้มาจากไซด์โปรเจ็คของเขาในปี 1995 จากเพลงที่ชื่อว่า “Enola Gay”
แต่พอมีเสียงของ คริส คอร์เนลล์ กับดนตรีอันหนักหน่วงและทรงพลังที่ต่างจาก Soundgarden และส่วนผสมทางเคมีที่ลงตัวสุดๆ แบบที่ทอม รู้สึกได้ตั้งแต่สัมผัสแรกนั่นแหละครับ ทำให้ซุปเปอร์กรุ๊ปวงนี้เป็นที่ชื่นชอบของชาวร็อคอย่างง่ายดาย
Cochise คือชื่อของอินเดียแดงหัวหน้าเผ่าอาปาเช่ที่ยิ่งใหญ่คนสุดท้าย แต่ชื่อ Cochise แม้จะเป็นชื่อเพลงแต่ก็ไม่ได้ปรากฏในเนื้อเพลงแต่อย่างใด โดยประวัติของเขานั้นได้ประกาศสงครามกับทหารม้าสหรัฐที่กระทำทารุณกับครอบครัวของเค้า
ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2002 อัลบั้มแรกของวงใช้ชื่อเดียวกันกับวง คืออัลบั้ม “Audioslave” ก็ได้ออกวางจำหน่าย ปกอัลบั้ลที่มีรูปปั้นลูกไฟตั้งอยู่บนดินภูเขาไฟนั้น ออกแบบโดย Storm Thorgerson ที่จะคุ้นงานของเค้าจากหน้าปก Pink Floyd หลายๆอัลบั้มล่ะครับ
สัปดาห์แรกก็กวาดยอดขายไปถึง 162,000 ก็อปปี้ และทะยานติดอันดับ 7 ในชาร์ทบิลบอร์ด 200 หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนอัลบั้มนี้ก็กวาดรางวัล RIAA ระดับ Gold คือขายได้ 500,000 ยูนิต และอีก 4 ปีถัดมา(2006) ก็ได้รางวัล “ทริปเปิ้ลแพลทตินั่ม”(Triple Platinum) พร้อมด้วยยอดจำหน่ายมากกว่า 3 ล้านก็อปปี้เฉพาะในสหรัฐ
ส่วนเพลงอื่นๆ ในอัลบั้มก็ประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน อย่างเพลง “Like a Stone”, “What you Are”, I Am the Highway” และ “Show Me How to Live” (ซึ่งเพลงนี้ MV โดนแบนจาก MTV เนื่องจากมีฉากการขับรถไล่ล่าอันดุเดือดเผ็ดที่นำวีดีโอบางส่วนมาจากหนังขับรถไล่ล่าในตำนานเรื่อง Vanishing Point (1971))
สามสมาชิก RATM ชุบชีวิต “คริส คอร์เนลล์“
ในการเปิดตัวใหม่ของวงครั้งนี้ มีโชว์เดินสายโปรโมทอยู่โชว์นึง ที่หลังจบโชว์นั้น คริส คอร์เนลล์ อยู่บนเวทีและบอกกับคนดูว่า “3 คนข้างหลังนี้ (ทอม, ทิม และ แบรด) พวกเขาช่วยชีวิตผมไว้เลย” หลังจากนั้นสามคนจึงโผเข้ากอดคริส
ซึ่งว่ากันว่าระหว่างที่คริสแยกวงออกจาก Soundgarden จนถึงช่วงอัดอัลบั้มแรกกับ Audioslave นั้น คริสอยู่ในระหว่างการบำบัดรักษาจากอาการติดยาเสพย์ติด ซึ่งทอม, ทิม และ แบรด ได้เข้ามาในช่วงเวลาที่คริสนั้นอยู่ในภาวะที่ยากลำบากพอดี และคริสคงรู้สึกขอบคุณถึงทั้งสามคน ที่เหมือนมาชุบชีวิตเค้ากลับมาเกิดใหม่
แอบเดาว่าถ้าไม่มีการรวมตัวเป็น Audioslave คริสคงตัดสินใจคิดสั้นไปก่อนหน้านี้แล้วแน่ๆ
ที่มา : wikipedia.org | songfacts.com | allmusic.com
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ