เส้นเรื่องหลักๆ ใน Better Call Saul นั้น จะแบ่งเส้นเรื่องออกเป็น 2เส้นเรื่องด้วยกันคือ เส้นทางอาชีพทนายของ Saul Goodman และ เรื่องเส้นทางอาชีพของ 2 พ่อค้ายารายใหญ่ในแอลบูเคอคี คือ Gustavo Fring และ ตระกูล Salamanca ซึ่ง 2 แก๊งค์นี้ทั้ง Mike และ Saul จะมีเรื่องให้ไปเกี่ยวเนื่องกันทั้งคู่ โดยเรื่องเหล่านี้เป็นเหตุให้เราได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของซอล กู๊ดแมน
Saul Goodman (ซอล กู๊ดแมน) – ทนายความเจ้าเล่ห์จอมกะล่อนแต่มักจะทำงานได้ออกมาสำเร็จทุกครั้ง แม้จะขึ้นชื่อว่าจอมเจ้าเล่ห์นั้น เบื้องลึกแล้วเค้าเป็นคนที่จิตใจดีและซื่อสัตย์(กับลูกค้า)มากคนนึง เรามาดูกันว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เค้าถึงเป็นคนที่มีคาแรคเตอร์แบบนี้กัน
ใน Breaking Bad นั้น ซอล กู๊ดแมนเคยแนะนำกับ”วอลท์”ว่าชื่อจริงเค้าชื่อ “จิมมี่ แม็คกิลล์ (Jimmy McGill)” ดังนั้นใน Better Call Saul จึงจะเป็นการเล่าชีวิตในช่วงการเปลี่ยนผ่านของ จิมมี่ แม็คกิลล์ มาสู่ ซอล กู๊ดแมน ทนายตัวแสบ..แสบจนไปถึงสีของเสื้อสูท ที่เป็นพึ่งพิงของเหล่าอาชญากรในแอลบูเคอร์คี
“จิมมี่” ตั้งแต่วัยเด็กจนสู่วัยรุ่นนั้น เป็นบุคคลที่ชอบใช้ความเจ้าเล่ห์เพทุบายหลอกล่อคนด้วยวิธีการต่างๆ ชนิดที่หาตัวจับได้ยาก ถึงกับเรียกตัวเองว่า “จิมมี่จอมลื่นไหล (Slippin’ Jimmy)” แต่ในขณะเดียวกันก็มีความย้อนแย้งที่มักจะเป็นที่รักของคนรอบๆ ข้างอีกด้วย แต่คนในครอบครัวคนเดียวที่ดูแล้วไม่ไว้ใจจิมมี่ก็คือ “ชัค (Chuck McGill)” พี่ชายผู้มีอาชีพทนายความมากฝีมือ ที่ฉลาดหลักแหลมจนรู้ไส้รู้พุงของจิมมี่ทุกอย่าง ทั้งการกระทำและตัวตน
จะว่าไป ชัค ตัดสินน้องชายไปอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าผิดทุกอย่าง แต่สิ่งนึงที่ผลักดันให้ จิมมี่มีนิสัยและทำตัวแบบนี้ ก็บอกได้ว่าส่วนนึงเป็นเพราะตัวชัคเองเหมือนกัน
ในช่วงที่จิมมี่เริ่มเบื่อหน่ายในการต้มตุ๋นคนในเมืองซิเซโร ชนบทของชิคคาโก นั้น…ก็มีห้วงนึงที่เค้าอยากจะเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดี มีการมีงานเป็นหลักแหล่งเหมือนพี่ชาย แต่โชคชะตาก็เล่นงานในตอนที่จิมมี่ตัดสินใจจะต้มตุ๋นคนเป็นครั้งสุดท้าย ทำให้โดนจับติดคุกไปในที่สุด แต่แล้วก็เป็นพี่ชัคนี่แหละ ที่ประกันตัวออกมาและพาไปทำงานที่สำนักงานทนายความของพี่ชายในแอลบูเคอร์คี
ในที่นี้เองจิมมี่ได้ทำงานในห้องจดหมายและพัสดุของสำนักงาน โดยมีเพื่อนร่วมงานสาว “คิม เว็กซ์เลอร์ (Kim Wexler)” ซึ่งเมื่อได้พบกับคิมนี่เอง ทำให้จิมมี่อยากจะมีปริญญาด้านกฎหมายเป็นของตัวเองบ้าง เพื่อเป็นการพิสูจน์ในพี่ชายเค้าเห็นว่าเค้าไม่ใช่คนเหลวไหล เค้าสามารถเป็นทนายได้เช่นกัน โดยหวังว่าจะได้ทำงานในบริษัทของพี่ชายได้ด้วย
แต่แล้วจิมมี่ก็ฝันสลาย เมื่อพี่ชัคของเค้าไม่ยอมรับปริญญาของจิมมี่ ด้วยความที่ไม่เคยไว้ใจน้องชาย คิดว่าจิมมี่นั้นโกงใบปริญญามาอีกนัยนึงก็ไม่ยอมรับมหาลัย University of American Samoa ซึ่งตรงนี้เป็นอีโก้ของชัคเองที่มองว่า จิมมี่ มักจะได้อะไรมาง่ายๆ แต่กว่าที่ชัคจะมาถึงจุดนี้ได้นั้นมันยากและลำบากกว่าหลายเท่านัก บวกกับสิ่งที่จิมมี่ทำให้อดีต ชัคเลยคิดว่าจิมมี่ไม่ควรทำอาชีพทนายความ จึงทำให้ชัคไปกดดันเจ้าของร่วมคือ “ฮาวเวิร์ด แฮมลิน (Howard Hamlin)” ไม่ให้รับจิมมี่เข้าทำงาน และจิมมี่ก็เข้าใจผิดว่าเป็นฮาวเวิร์ดไม่ยอมรับเค้าเพราะไม่ชอบขี้หน้ากัน ตรงนี้เองทำให้เนื้อเรื่องต่อๆ มาพัลวันกันไปหมดจนถึงลูกน้องของฮาวเวิร์ดเองอย่าง “คิม” อีกด้วย
ชัค และ จิมมี่ สองพี่น้องนี้รักกันอยู่นะ และจิมมี่นั้นเคารพและยกย่องชัคเป็นอย่างมาก แต่เป็นที่ชัคเองนั้นมักจะไม่ยอมรับ และ ไม่เข้าใจความรู้สึกของน้องชายของเค้าเลย โดยชัคนั้นมีอาการจิตเวช คือ คิดว่าตัวเองแพ้กระแสไฟฟ้า ทำให้ชัคต้องทำงานอยู่ที่บ้านที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ แม้คนในสำนักงานกฏหมายจะเข้าใจการป่วยและปฏิบัติกับชัคเป็นอย่างดีนั้น แต่ก็ทำไปเพียงเพราะชัคเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสำนักงาน แต่กลับกันจิมมี่นั้น ปฏิบัติดูแลพี่ชายตัวเองด้วยความเข้าใจและเห็นใจมาตลอด
แม้ชัคจะรู้ดีว่าน้องชายนั้นดูแลดีแค่ไหน เค้าก็รักน้องในอย่างที่เค้าเป็นด้วยการรักและเก็บไว้ใกล้ๆ เพื่อให้เห็นว่าจิมมี่จะไม่ไปทำอะไรนอกลู่นอกทาง แต่นั่นแหละ ด้วยอีโก้และจิตใต้สำนักของชัค เลยทำให้ชัคปฏิบัติกลับไปยังจิมมี่ไม่ดีนัก ไม่เห็นอกเห็นใจ ไม่สนับสนุน แถมเจ้าคิดเจ้าแค้นน้องชายอีกต่างหาก…แต่อีกด้านชัคมองไม่ผิดหรอก จิมมี่มักจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ในรูปแบบโชคชะตามันพาไปซะส่วนใหญ่
มีแต่ “คิม” เพื่อนร่วมงานที่กลายมาเป็นภรรยา คนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจจิมมี่ได้ดีที่สุด “คิม” รู้นิสัยและเนื้อแท้ของจิมมี่ไม่แพ้ชัค แต่คิมมีวิธีที่สามารถจะอยู่ร่วมกับจิมมี่ได้ดีกว่า จะไม่ก้าวก่ายวิธีการทำงานของจิมมี่ที่มักจะใช้ทางลัดสู่เป้าหมาย และหลายๆ ครั้งนี่เองที่ จิมมี่ใช้ทางลัดทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจช่วยเหลือคิมในเรื่องการงานเพื่อให้คนรักของเค้าบรรลุเป้าหมาย กลับกันเมื่อคิมได้รู้จักจิมมี่นานๆ เข้า ถลำลึกเข้าสู่ด้านมืดกลายเป็นร่างเงาของจิมมี่เสียเอง
นอกจาก “ชัค” และ “คิม” ที่เป็นตัวผลักดันให้จิมมี่เป็นทนายที่เราเห็นใน Breaking Bad แล้ว สิ่งนึงที่ผลักดันจิมมี่เป็นทนายให้คนชายขอบ คนที่สังคมไม่ต้องการ หรือ ทนายที่ว่าความให้เหล่าอาชญากร (Criminal Lawyer) ก็คือ ไมค์ (Mike Ehrmantraut) และ นาโช่ “อิกนาซิโอ วาร์กา” (Ignacio “Nacho” Varga)
“อิกนาซิโอ วาร์กา” หรือชื่อเล่นว่า “นาโช่” ชายหนุ่มอาชญากรที่ฉลาดคนนึง และเป็นเพื่อนกับ “ทูโก ซาลามานก้า (Tuco Salamanca)” หลานชายเอเย่นต์ค้ายารายใหญ่ของตระกูลซาลามานก้าในแอลบูเคอร์คี โดยซอลไปพลาดท่าระหว่างจัดฉากหาลูกค้าแต่ดันไปเจอย่าของทูโกแทนซะงั้น จนต้องเผชิญหน้ากัน ซอลใช้คารมและฝีปากในการเจรจาทำให้ตัวเขาเองและคู่แฝดที่จ้างวานมารอดชีวิตหวุดหวิด แต่นั่นไปเปิดช่องให้ “นาโช่” มีโอกาสเข้าถึงตัวซอล ในการใช้งานด้านกฏหมาย
“ไมค์ เออร์แมนเทราต์ (Mike Ehrmantraut)” อดีตนาวิกและตำรวจเกษียณราชการฝีมือพระกาฬ มีวิชาติดตัวในจากการเป็นตำรวจและนาวิกโยธินแบบสืบสวนนอกรูปแบบและนักแม่นปืน แต่ต้องมาสูญเสียลูกชายที่เป็นตำรวจเหมือนกัน หลังจากแก้แค้นให้ลูกชายเป็นที่เรียบร้อย ไมค์ย้ายจากฟิลาเดเฟียมาอยู่แอลบูเคอร์คี เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้หลานสาวและลูกสะใภ้ จนได้งานสุจริตเป็นพนักงานเก็บเงินค่าจอดรถประจำสำนักงานศาลซึ่งทำให้ได้เจอ “จิมมี่” และยังรับงานสีเทาๆ จากสัตวแพทย์จนนำไปสู่การรู้จัก “นาโช่”
ทั้ง “ไมค์” และ “นาโช่” นั้นนำความซวยด้านอาชญากรรมมาให้ “จิมมี่” จากเดิมดราม่าเรื่องการทำงานทนายและครอบครัวก็น่าจะยุ่งเหยิงพอควรแล้ว ดันมีเรื่องของแก๊งค์ค้ายาเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มอีก แม้จะใช้ช่องว่างของกฏหมายซิกแซคได้เก่งยังไงก็ตาม แต่การไปยุ่งถึงระดับแก๊งค์ค้ายานั้นมันดูเกินเบอร์ไป แต่นั่นก็คือจุดเปลี่ยนที่ต้องมารับเป็นทนายให้กับตระกูลซาลามานก้าแบบที่ไม่เต็มใจนัก และกลายเป็นที่รังเกียจของเจ้าหน้าที่ในศาลที่เคยให้ความช่วยเหลือจิมมี่ไปในที่สุด
ก็ใช่ว่า “จิมมี่” จะมีแต่เสีย เค้ากลับได้ “ลูกค้า” ใหม่ที่มองหน้าก็รู้แล้วล่ะไม่เป็นโจรก็คนค้ายา เข้ามามากยิ่งขึ้นจนสำนักงานที่เช่าหลังร้านทำเล็บไม่เพียงพอ การที่มีลูกค้าเข้ามาเยอะแบบนี้ก็เพราะว่า จิมมี่ หรือ ซอล กู๊ดแมน มีฉายาเพิ่มอีกหนึ่งชื่อที่เรียกกันว่า “คนของซาลามานก้า(Salamanca’s Guy)”
ในเมื่อโชคชะตาเล่นตลกบวกกับสิ่งที่จิมมี่เป็นแล้ว ทำให้เค้ายอมรับมันในเส้นทางทนายอาชญากรมันนี่แหละ น่าจะเหมาะสมที่สุดแล้ว เค้าไม่สามารถทำตามความต้องการของคนอื่นโดยขัดกับสิ่งที่เค้าเป็นได้ จากทนายที่มีลูกค้าผู้สูงอายุวัยเกษียณมามีแต่ลูกค้าที่เป็นอาชญากรทั้งนั้น จิมมี่จึงค่อยๆเปลี่ยนสูทสีที่เป็นทางการดูน่าเชื่อถือสำหรับอาชีพทนายความ มาเป็นเสื้อสูทสีที่ดูแล้วขัดแย้งกับความน่าเชื่อถือโดยสิ้นเชิง และเปลี่ยนตัวตนเป็น “ซอล กู๊ดแมน” ทนายความจอมกะล่อนมากความสามารถและมีคอนเนคชั่นกับแหล่งโจรมากมายคนนึง
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ