LOST หรือชื่อไทย อสุรกายดงดิบ ซีรี่ย์ที่มีมาตั้งแต่ปี 2004 เกือบยี่สิบปีโน่นเลย ได้ยินชื่อมานานในช่วงปีนั้นแต่ก็ไม่ได้มีโอกาสได้ดู ตอนที่ช่อง 7 นำมาฉายก็ไม่ได้ดูอีกเพราะมาดึกโคตรๆ พอมาลง Disney+ พร้อมซับไทย ก็เลยลองเปิดดูหน่อย
แต่หารู้ไม่ว่าตอนเปิดดูน่ะ ไม่ดูจำนวนตอนกับซีซั่นเลย!! เพราะซีรี่ย์นี้มีถึง 121 ตอนในจำนวน 6 ซีซั่นด้วยกัน นั่นทำให้การดูซีรี่ย์นี้แย่งเวลาบนทีวีไปอย่างมาก ถ้าจะดูแบบมาราธอนก็คงใช้เวลาประมาณ 5 วันเต็มๆ ถึงจะดูจนจบนั่นแหละครับ
แต่อีกนัยนึงก็แปลว่า ซีรี่ย์เรื่องนี้ต้องมีอะไรน่าติดตามพอควรถึงทำให้อดทนกับการทรมานบันเทิงอยู่เหมือนกันนะ
สิ่งที่ทำให้ LOST : อสุรกายดงดิบ น่าติดตาม (อาจมีสปอลย์)
เนื้อเรื่องว่าด้วยการเอาตัวรอดจากเครื่องบินตกลงบนเกาะ เหมือนหนังเรื่อง Cast Away ในตอนแรกที่ดูก็คงคิดว่าต้องเอาตัวรอด แก้ปัญหาระหว่างผู้รอดชีวิตด้วยกัน แต่พอดูไปเรื่อยๆ จะมีความไซไฟเข้ามาเหมือนกับว่าเกาะนี้กำลังทดลองอะไรอยู่กับคนกลุ่มนี้
พอปมไซไฟ(Sci-Fi) ยังไม่ทันได้รู้ ก็มีปมเรื่องลี้ลับเงื่อนงำเพิ่มเข้ามา แต่ไปเรื่อยๆ ก็มีเรื่องเหนือธรรมชาติและดราม่ารักสามสี่ห้าหกเศร้าเข้ามาอีก
นั่นเลยคิดว่าในช่วงปีนั้นคงเป็นปรากฏการณ์ละครที่นำเรื่อง การผจญภัย, การเอาตัวรอด, มีความเป็นไซไฟกับเรื่องเหนือธรรมชาติ, ลี้ลับ, ปรัชญา, ความเชื่อ และดราม่าเข้ามาในเรื่องเดียวกัน ทำให้โด่งดังและกวาดรางวัลมามากมาย
แม้เนื้อเรื่องจะมีความหลากหลายแนว แต่สิ่งนึงที่ยอมรับว่าทำออกมาได้ดี ผูกปมไว้แม้ว่าจะไม่ถูกคลี่คลายก็ตาม แต่กลับเป็นว่าสามารถเชื่อมโยงเรื่องตั้งแต่ต้นไปสู่จุดจบได้ดีจริงๆ
รวมถึงการพัฒนาตัวละครของเรื่อง เราจะได้เห็นการเติบโตและแนวคิดเชิงปรัชญาในความเป็นมาของแต่ละบุคคลได้ดีมากผ่านการเล่าเรื่องแบบ Flash Back ซึ่งในหนังปกติทั่วๆไปการเล่าย้อนอดีตเบื้องหลังของตัวละครจะให้พอรู้ที่มาแบบพื้นๆ
แต่การเล่าย้อนอดีตของเรื่องนี้ซับซ้อนกว่านั้น ใน 1 ตัวละครหลักจะเล่าย้อนไปในหลายๆ เหตุการณ์ในอดีตแบบเยอะมาก และ การเล่าย้อนอดีตนี้ซีรี่ย์เรื่องนี้ให้ความสำคัญกับตัวละครหลักๆ แทบทั้งหมด นั่นทำให้เราคาดเดาไม่ได้ และทำให้อยากติดตามว่าสุดท้ายแล้วมันจะลงเอยยังไงกันแน่
บทสรุปของเรื่อง LOST (ตามความคิดเห็นส่วนตัว)
ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา ปรัชญาชีวิตและชีวิตหลังความตาย โดยใช้เกาะเป็นการย่อสเกลของสังคม เป็นการหาคำตอบของความหมายของการมีชีวิตของและปัจเจกบุคคล ไม่ว่าเราจะเชื่อในวิทยาศาสตร์หรือเชื่อในสิ่งที่เหนือธรรมชาติที่พิสูจน์ไม่ได้ เชื่อในความเป็นอิสระมากกว่าอยู่ร่วมในสังคมที่ไม่เข้ากับเรา และอีกหลายๆ อย่างที่ในเนื้อเรื่องเล่าถึงและไม่มีคำตอบให้
แต่สุดท้ายนั้นความตายเป็นสิ่งที่ทุกความเชื่อต้องพบเจออยู่ดี
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ