Our Blues : เวลาสีฟ้าหม่น ซีรี่ย์จากเกาหลีใต้ที่ออกอากาศในประเทศช่วงปี 2022 โดยใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบ หลายเรื่องราว ของแต่ละตัวละคร โดยใช้ฉากหลังเป็นเกาะเชจูของเกาหลีใต้เป็นหลัก นั่นทำให้เป็นการเล่าเรื่องที่มีตัวละครที่หลากหลาย ให้เรารู้สึกอินและเห็นมุมลึกของตัวละครได้มากขึ้น และส่วนตัวคิดว่าการใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบนี้ทำให้ซีรี่ย์นั้นดูไม่น่าเบื่อ และไม่รู้สึกยืดยาว ทั้งๆ ที่เรื่องนี้มีถึง 20 ตอน
ในส่วนของ 20 ตอนนั้น ก็จะแบ่งตามพาร์ทหลักๆ ของแต่ละเรื่องของตัวละคร หากอิงตามชื่อตอนก็จับคู่ของตัวละครที่มีปมเศร้าในใจกัน แต่คิดว่าหากแบ่งตามพาร์ทของตัวละครแบบนี้น่าจะเป็นเส้นเรื่องหลักที่เข้าใจได้มากกว่า คือ
คู่แรก : ฮันซู – อึนฮี
เรื่องของคู่นี้เล่นกับความรู้สึกได้ดีมากโดยเฉพาะคนโสด ต่อให้เรื่องเนื้อเรื่องที่เกาหลี แต่เราก็สามารถพบเห็นเรื่องคล้ายๆ กันแบบนี้ในข่าวที่เมืองไทยอยู่บ่อยๆ โดยฮันซูและอึนฮีในวัยเด็ก เป็นคู่ที่ไม่น่าจะคบกันได้ด้วยความเป็นหนุ่มหล่อกับสาวเฉิ่ม แต่แล้วทั้งคู่ก็มีความประทับใจกันและกันในวัยเด็ก จนเมื่อแยกย้ายกันไปมีชีวิตของตัวเอง ฮันซูทำงานธนาคารในกรุงโซลแต่ประสบปัญหาด้านการเงิน ส่วนอึนฮีนั้นสาวใหญ่ใจโสดเจ้าของแผงปลาในตลาดที่เชจู แต่เมื่อฮันซูย้ายมาทำงานที่สาขาเชจู ก็พบว่าอึนฮีนั้นเป็นเศรษฐีนีผ้าขี้ริ้วห่อทอง ฮันซูเลยจะใช้ความที่อึนฮีนั้นหลงเสน่ห์ในตัวเค้าตลอดมา เผื่อปลอกลอกเงินทองของอึนฮี
คู่สอง : ยองอ๊ก – จองจุน
ยองอ๊กสาวสวยวัยใกล้สี่สิบที่เหมือนปิดบังภูมิหลังจากบนฝั่งหนีมาทำงานเป็น “แฮ-นยอ” กลุ่มนักดำน้ำหญิงหาของทะเล กับเปิดร้านอาหารในชุมชนพูรึงบนเกาะเชจู แม้เหล่าแฮนยอผู้สูงวัยดูจะไม่ชอบและไม่ไว้ใจยองอ๊กที่ดูเหมือนเป็นคนโกหกและปิดบังบางอย่าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาที่กัปตันเรือ “จองจุน” หนุ่มรุ่นน้องจะไม่หลงใหลในตัวเธอได้
คู่สาม : ยองจู – ฮยอน
“ยองจู” เด็กสาวเรียนเก่งอันดับ 1 และเป็นประธานนักเรียน ลูกสาวของ “โฮชิก” ที่เป็นเพื่อนในกลุ่มตั้งแต่สมัยเรียนกับ ฮันซู, อึนฮี, มีรัน และ “อินกวอน” ที่คนนี้มีลูกชาย “ฮยอน” เรียนเก่งอันดับ 2 และเป็นรองประธานนักเรียน นอกจากจะมีพ่อที่เป็นเพื่อนกัน เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเหมือนกันแล้ว ทั้งคู่ยังอาศัยอยู่แฟลตเดียวกันอีกต่างหาก และด้วยที่พ่อของทั้งคู่ตั้งความหวังในอนาคตกับลูกทั้งสองเพราะความไม่เอาไหนในวัยหนุ่มของทั้งคู่ แต่เมื่อหนุ่มสาวทั้ง 2 แอบมีความสัมพันธ์กันจนพลาดตั้งท้องขึ้นมาในวัยเรียน ทำให้เหมือนอนาคตของทั้งสองครอบครัวนี้เข้าขั้นวิกฤตเลยทีเดียว
คู่สี่ : ดงซอก – ซอนอา
“ดงซอก” ปัจจุบันที่ประกอบอาชีพขับรถพุ่มพวงขายของจิปาถะ ที่ไปรับมาจากบนฝั่งมาตะเวนขายบนเกาะเชจู และไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ส่วน “ซอนอา” สาวสวยเปรียบได้ดั่งดอกฟ้า ที่กำลังประสบปัญหาครอบครัวเพราะอาการป่วยจากโรคซึมเซ้าของตัวเอง เลยคิดจะมาจบชีวิตที่เกาะเชจู เนื่องจากเธอเคยอาศัยอยู่ในช่วงวัยเด็ก และในช่วงวัยเด็กนี่เองทำให้ดงซอก และ ซอนอา ได้พบกันอยู่บ่อยๆ เวลาโดดเรียนมาสิงอยู่ร้านเกมส์ การทำตัวแบบนี้ในวัยเด็กเพราะด้วยปัญหาทางครอบครัว และพอมาปัจจุบันเมื่อซอนอามีปัญหาคล้ายๆ เดิม ทำให้ ดงซอกที่ไม่เคยลืมรักแรกของตัวเองนัั้นต้องคอยใกล้ชิดดูแลเยียวยาจิตใจเธอ
คู่ห้า : มีรัน – อึนฮี
“มีรัน” อีกหนึ่งคนที่เมื่อเติบโตแล้วทำงานอยู่นอกเกาะเชจู ตัวเองนั้นผ่านปัญหาการหย่าร้างมาแล้ว 3 ครั้ง จนครั้งล่าสุดยอมขายกิจการนวดเพื่อไปตามความฝัน แต่สุดท้ายแล้วก็หวนกลับมาเยียวยาที่บ้านเกิดที่เชจูกับเพื่อนซี้อย่าง “อึนฮี” ที่ซี้และเอาใจเพื่อนจนเปรียบเสมือนเบ๊รับใช้เลยทีเดียว แต่แล้วการกลับมาของมีรันครั้งนี้ อาจทำให้ถึงจุดแตกหักกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้ เมื่อทุกอย่างตั้งแต่เด็กนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย
คู่หก : ชุนฮี – อึนกี
“ชุนฮี” ผู้ที่เปรียบเสมือนผู้นำกลุ่ม “แฮ-นยอ” โดยป้าชุนฮีนั้นเคยสูญเสียทั้งสามีและลูกชายไปแล้ว เหลือแค่ลูกชายอีกคนที่ทำงานอยู่บนฝั่งและมีครอบครัวพร้อมลูกสาววัย 6 ขวบ “อึนกี” แต่เมื่อลูกชายประสบอุบัติเหตุจนเข้าขั้นโคม่า ทำให้ลูกสะใภ้ต้องมาฝากหลานให้ย่าเลี้ยงที่เชจู โดยปิดบังอาการป่วยของลูกชายไว้ เราจะได้เห็นถึงความสัมพันธ์ต่างวัยระหว่างย่ากับหลาน และยังต่างกันทางความเป็นอยู่ระหว่างคนเกาะกับคนเมืองได้อีกด้วย
คู่เจ็ด : อ๊กดง – ดงซอก
น่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ฟ้าหม่นที่สุดในเรื่องแล้ว ระหว่างสองแม่ลูกคู่นี้เพราะแทบจะไม่เผาผีกันเลย จากการสูญเสียเสาหลักอย่างพ่อและพี่สาว ทำให้แม่ “อ๊กดง” ต้องไปเกาะผู้ชายคนใหม่เป็นเมียน้อยเค้า เพื่อที่จะมีที่ซุกหัวนอนและอาหาร แต่นั่นกลับดูเป็นปัญหามากขึ้นให้กับตัว “ดงซอก” เป็นอย่างมาก เพราะต้องมาโดนลูกชายของพ่อเลี้ยงรังแก และแม่นั้นไม่ปกป้องหรือช่วยเหลืออะไรเลย จนกระทั่งเมื่อโตขึ้นสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ก็กลายเป็นคนที่ใจดำไม่ใยดีแม่ ส่วนแม่นั้นก็เหมือนซ่อนงำความผิดต่อลูกไว้ไม่เคยแม้แต่บอกรักหรือขอโทษ จนเมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตใกล้มาถึง ละครจะพาเราไปดูการปลดล็อคความสัมพันธ์ของแม่ลูกคู่นี้
ความรู้สึกหลังดูจบ
ส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ค่อยดูละครเกาหลีหรือหนังเกาหลีเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยถูกจริตในบางอารมณ์ “เว่อร์”สไตล์เกาหลีและมักจะจำชื่อตัวละครไม่ค่อยได้ แต่กลับกันเรื่องนี้รู้สึกชอบมาก และด้วยความเล่าเรื่องแบบ Omnibus ทำให้การเข้าถึงตัวละครนั้นง่าย การที่มีตัวละครเยอะในเรื่องนี้ก็ไม่ได้รู้สึกเป็นอุปสรรคในการจดจำแต่อย่างใด เพราะการเลือกเรื่องให้เด่นของแต่ละคู่ และสลับกันไปเป็นตัวสมทบนั้นทำออกมาได้ดีมาก และเวลาในการเดินเรื่องในซีรี่ย์ก็ดำเนินต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่มีตัดสลับไปมาให้งงๆ แม้มีย้อนอดีตบ้างแต่ก็ดูง่ายมากๆ
ช่วงเริ่มดูแรกๆ ให้ความรู้สึกกลิ่นอายจากหนังหลายๆ เรื่องที่เคยดูมา อย่างเช่น Love Actually (2003), Before sunrise (1995), Hometown cha cha cha (2021), ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น (2013) และ กว่าจะรู้เดียงสา (1987) ที่ดูแล้วไม่ใช่จะขายแค่ความรักอย่างเดียว แต่นำเสนอประเด็นของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและครอบครัวออกมาด้วย ให้ความรู้สึกเรียลจับต้องได้ ขณะเดียวกันด้านโปรดักชั่นก็รู้สึกทำออกมาได้ดี ไม่ได้รู้สึกเว่อร์มากแบบละครเกาหลีที่เคยเห็น คอสตูมที่เห็นในเรื่องนี้นี่เหมือนดูสารคดี “ฅ-คนขั้นเทพ” ในช่องอัมรินทร์ 34 เลยล่ะครับ
แต่สิ่งหนึ่งที่ตรึงเราให้ดูได้อยู่หมัดก็คือ Performance การแสดงของนักแสดงในเรื่อง ที่ถ่ายทอดกันออกมาได้ดีจริงๆ บอกตรงๆ ว่านักแสดงนั้นรู้จักแค่ อึนฮี จากเรื่อง Parasite กับ ซอนอา จาก Hometown cha cha cha เท่านั้น ที่เหลือแม้ไม่เคยรู้จักแต่ก็ถ่ายทอดออกมาแล้วให้รู้สึกอินกับความขมขื่นปนหวานอย่างจุกอกได้ดี ดั่งชื่อเรื่องของซีรี่ย์เรื่องนี้เลยทีเดียว หากใครอยากลองดูละครเกาหลีที่เนื้อเรื่องดีมากๆ ไม่ใช่แค่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ เพียงอย่างเดียว แต่ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนและครอบครัว การเล่าเรื่องที่ไม่เวิ่นเว้อ และ การแสดงของนักแสดงที่เยี่ยมยอดนั้น ลองดู Our Blues : เวลาสีฟ้าหม่น ได้ใน NEFLIX เลยครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
ที่มา : korseries.com, tvN drama, wiki.d-addicts.com
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ