SAW – ซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็น กำกับโดยเจมส์ วาน (James Wan) และออกฉายในปี 2004(2547) เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญแนวจิตวิทยา ที่ตรึงใจผู้ชมด้วยการผสมผสานระหว่างความสยองขวัญและความลุ้นระทึกที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นที่รู้จักจากพล็อตเรื่องที่ซับซ้อนและฉากที่น่าตกใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้และสร้างเกณฑ์มาตรฐานของหนังแนวนี้ บทวิจารณ์นี้จะวิเคราะห์เชิงลึกของภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงตัวละคร และผลกระทบโดยรวม และแน่นอนต้องโดนสปอยล์นะครับ
เค้าโครงเรื่องของ SAW นั้นเน้นดำเนินเรื่องด้วยชายสองคน อดัมและหมอลอว์เรนซ์ กอร์ดอน ซึ่งตื่นขึ้นในห้องน้ำที่ทรุดโทรม ถูกล่ามโซ่ไว้คนละฟากของห้อง และมีศพนอนอยู่ตรงกลางห้องระหว่างทั้งสอง ในมือของศพถือเครื่องเล่นเทป ที่ไว้เล่นเทปเบาะแสเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเขา มีผู้บงการอยู่เบื้องหลังการทดสอบของพวกเขา นั่นคือฆาตกรต่อเนื่องโรคจิต ซึ่งรู้จักกันในนาม “จิ๊กซอว์” อดัมและหมอกอร์ดอนต้องช่วยกันคลี่คลายเอาชนะกับดักและปริศนาที่ซับซ้อนที่จิ๊กซอว์ตั้งขึ้นเพื่อความอยู่รอด
ตลอดทั้งเรื่อง มีการเล่าย้อนอดีตและการเล่าเรื่องที่หักมุม เพื่อให้เห็นถึงแรงจูงใจของจิ๊กซอว์ ที่สุดท้ายนั้นได้รับการเปิดเผยว่าเป็นผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายชื่อจอห์น เครเมอร์ ผู้ซึ่งเชื่อว่าเขากำลังให้โอกาสเหยื่อของเขาได้ชื่นชมชีวิตด้วยการให้พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ความเป็นหรือความตาย เรื่องราวเกี่ยวข้องกับการสืบสวนของนักสืบ David Tapp และ Steven Sing ซึ่งมุ่งมั่นที่จะจับจิ๊กซอว์ และจบเกมที่น่าสยดสยองของเขาเสียที
ด้านการแสดงในเรื่องนี้นั้นน่ายกย่อง โดย Leigh Whannell รับบทเป็นอดัม(Adam) ที่แสดงสีหน้าความสิ้นหวังและความกลัวจนน่าเห็นใจ และ Cary Elwes รับบทเป็น หมอลอว์เรนซ์ กอร์ดอน(Dr. Lawrence Gordon) แสดงความรู้สึกต่อสู้ในตัวเองที่ลังเลระหว่างการเอาชีวิตรอดกับความซื่อสัตย์ทางศีลธรรมของเขาซึ่งทั้งคู่แสดงภาพตัวละครในสถานการณ์ที่เหนือจินตนาการออกมาได้อย่างดี
การแสดงของโทบิน เบลล์ของจอห์น เครเมอร์ นักฆ่าจิ๊กซอว์ เป็นการแสดงที่ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ใช้ท่าทางสงบนิ่งแต่ดูน่ากลัวก็สร้างความแตกต่างอย่างน่าอึดอัดกับกับดักอันโหดร้าย แรงจูงใจที่ซับซ้อนของตัวละครนี้และศีลธรรมที่บิดเบี้ยว ช่วยเพิ่มความลึกให้กับภาพยนตร์ ทำให้จิ๊กซอว์เป็นหนึ่งในตัวร้ายที่น่าจดจำที่สุดในภาพยนตร์สยองขวัญ
ธีมเรื่องนี้จะพาสำรวจประเด็นเรื่องศีลธรรม คุณค่าของชีวิต และระยะเวลาที่ผู้คนจะอยู่รอด มันก่อให้เกิดคำถามที่กระตุ้นความคิดเกี่ยวกับตัวเลือกที่แต่ละคนจะเลือก เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้าย ทำให้เส้นแบ่งระหว่างถูกและผิดนั้นดูพร่ามัว กับดักในเรื่องที่มักสร้างความรำคาญใจ ผลักดันให้ตัวละครและผู้ชมต้องเผชิญหน้ากับความกลัวและขีดจำกัดทางศีลธรรมของตนเอง
นอกจากนี้ในช่วงปีนั้น เรื่องนี้ยังช่วยฟื้นฟูหนังแนวสยองขวัญขึ้นมาใหม่ ด้วยการนำเสนอแนวใหม่ของความสยองขวัญกับจิตวิทยา ความสำเร็จนี้ก่อให้เกิดแฟรนไชส์ที่ตามมา ซึ่งเหมือนกับกับดักที่ออกแบบอย่างประณีต อย่างเช่น การเล่าเรื่องที่ลุ้นระทึก และการเฉลยในแบบที่น่าตกใจ แม้ว่าภาคต่อๆ มาของเรื่องนี้จะแตกต่างออกไปในด้านคุณภาพ แต่ผลกระทบของภาพยนตร์ต้นฉบับปูทางความสำเร็จไว้นั้น ก็ไม่สามารถพูดเกินจริงได้
โดยสรุปนั้น เรื่อง SAW – ซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็น ยังคงเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับหนังประเภทสยองขวัญ ต้องขอบคุณการเล่าเรื่องที่ดึงดูดใจ ตัวละครที่สร้างขึ้นอย่างดี และบรรยากาศในเรื่องที่รู้สึกไม่มั่นคง การเปิดตัวผลงานการกำกับเรื่องแรกของเจมส์ วาน เป็นจุดเริ่มต้นของแฟรนไชส์ที่จะดึงดูดจินตนาการของผู้ชมทั่วโลก แม้ว่าความรุนแรงที่โจ่งแจ้งและเนื้อหาที่ก่อกวนใจอาจไม่ใช่สำหรับทุกคน แต่ความสามารถของเรื่องนี้ในการก้าวข้ามขอบเขตและท้าทายการเล่าเรื่องแบบเดิมๆ ทำให้แฟนหนังระทึกขวัญแนวจิตวิทยาต้องติดตามชมเรื่องนึงเลย
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ