Skip to content

[รีวิว] Planet Terror : โคโยตี้ แข้งปืนกล (2007)

เวลาที่ใช้อ่าน : 2 นาที

Planet Terror ชื่อไทย โคโยตี้ แข้งปืนกล กำกับโดยโรเบิร์ต โรดริเกซ(Robert Rodriguez) เป็นจดหมายรักที่โชกเลือดถึงยุคโรงภาพยนตร์อเมริกันที่จัดฉายเฉพาะหนังเกรดบีอันเต็มไปด้วยเซ็กส์, ความรุนแรง และ เลือดสาด ซึ่งมันเคยรุ่งเรืองในยุค 1970s มอบประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นและหวนคิดถึงอดีต ซึ่งจะทำให้แฟน ๆ ของประเภทนี้ต้องยิ้มกว้างถึงหูเลยทีเดียว มันเต็มไปด้วยความแอ็คชั่นที่เหนือชั้นและไร้เหตุผล ตัวละครห่ามบ้าดีเดือด เลือดสาดท่วมหน้าจอ ภาพยนตร์เรื่องนี้รวบรวมรากเหง้าของหนังเกรด B ด้วยความทะเยอทะยาน ในแบบที่ไม่มีใครยอมใคร

หนังเรื่องนี้ถูกเซ็ตขึ้นในเมืองเล็ก ๆ ในรัฐเท็กซัส บอกเล่าเรื่องราวของการระบาดของซอมบี้อย่างกะทันหัน ที่ผู้รอดชีวิตต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่พูดพร่ำทำเพลงมากในการพาผู้ชมเข้าสู่ความโกลาหล ในขณะที่เหล่าซอมบี้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วและสร้างความหายนะให้กับผู้คนในเมือง โรส แมคโกแวน(Rose McGowan)แสดงได้อย่างยอดเยี่ยมในบทเชอร์รี่ ดาร์ลิง(Cherry Darling) นักเต้นอะโกโก้ที่ผันตัวเป็นนักรบที่ดุดันด้วยติดตั้งปืนกลแทนขาที่ขาดไป การแสดงของเธอมีทั้งความเปราะบางและร้ายกาจพอๆ กัน เพิ่มความลึกให้กับตัวละครที่อาจถูกลดทอนให้เป็นเพียงปรากฏการณ์ได้อย่างง่ายดาย

จุดแข็งเรื่องหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้คือสไตล์ภาพของโรดริเกซ ที่ใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อสร้างความสวยงามของโรงหนัง Grindhouse ขึ้นมาใหม่ ด้วยการเพิ่มรอยขูดขีดบนหน้าจอ เฟรมที่ขาดหายไปแบบรู้สึกได้ว่ามันสะดุด และการตัดต่อแบบแย่ๆด้วยความเจตนาให้เป็นอย่างนั้น การทำออกมาให้เหมือนภาพยนตร์ต้นทุนต่ำโดยเจตนานั้น ถือเป็นการแสดงความบูชาครูต่อภาพยนตร์ Exploitation films ในอดีต โดยจับเอาพลังงานดิบและเสน่ห์ DIY ที่ทำให้พวกเขาได้รับความนิยมอย่างมาก การถ่ายภาพยนตร์แบบหยาบๆและการใช้สีที่สดใสช่วยเสริมความรู้สึกย้อนยุค ทำให้ผู้ชมดื่มด่ำไปกับโลกที่เต็มไปด้วยความคิดถึงอดีต

แม้ว่าเนื้อเรื่องอาจไม่แปลกใหม่ออกไปทางเชยๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ก็ประสบความสำเร็จในการรวบรวมความเป็นหนังแนวนี้และมอบให้กับสิ่งที่แฟน ๆ คาดหวังจากการเห็นหนังที่ฉายในโรงหนังย้อนยุค โรดริเกซผสมผสานช่วงเวลาของความรุนแรงเข้ากับอารมณ์ขันอันมืดมนอย่างชาญฉลาด แม้ว่าสคริปต์จะเรียบง่าย แต่ก็แฝงไปด้วยบทพูดที่น่าจดจำ และการแลกเปลี่ยนความคิดของตัวละคร ที่เพิ่มความเฉลียวฉลาดให้กับการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยการสังหาร

เป็นที่น่าสังเกตว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ภาพยนตร์สำหรับคนเปราะบาง ไม่สามารถทนดูความเลือดสาดไม่หยุดหย่อน สูญเสียอวัยวะกับแหยะๆ เลือดพุ่งท่วมจอ และเอฟเฟ็กต์แต่งหน้าสุดพิสดารมากมาย อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าความรุนแรงที่มากเกินไปนี้ เป็นทางเลือกของศิลปะโดยเจตนา โดยบูชาครูต่อภาพยนตร์ Exploitation films ที่เป็นแรงบันดาลใจ แม้ว่ามันอาจจะดูมากเกินไปสำหรับผู้ชมบางคน แต่ผู้ที่ชื่นชอบความตื่นตะลึงจะพบว่าตัวเองสนุกสนานไปกับการแสดงที่เลือดโชกท่วมจอเป็นแน่แท้

เกร็ด(IMDB)

การปรากฏตัวของบรูซ วิลลิสในบทบาทนักแสดงสมทบนั้น เป็นการคาราวะเล็กๆน้อยๆ ให้กับอุบายทางการตลาดแบบเก่าที่ผู้ผลิตของ Grindhouse มักชอบใช้ พวกเขาจะจ้างดาราภาพยนตร์ชื่อดังให้มาแสดงในภาพยนตร์ของพวกเขาเป็นเวลา 1 วัน โดยถ่ายจากด้านหน้าสองสามช็อตเท่านั้น ในขณะที่ฉากที่เหลือถ่ายทำสองครั้งจากด้านหลัง จากนั้นรูปภาพของดาราดังจะถูกติดไว้บนโปสเตอร์ของภาพยนตร์อย่างเด่นชัดเพื่อกระตุ้นยอดขาย (ตัวอย่าง: ตัวละครของบรูซ วิลลิส ผู้หมวดไม่เคยอยู่ในเฟรมเดียวกันกับนักแสดงคนอื่นๆ เท่าไหร่ แสดงว่าฉากทั้งหมดของเขาถ่ายทำแยกกัน)

Skip Reissig ซึ่งรับบทเป็น Skip เจ้าของคลับเปลื้องผ้า ไม่ใช่นักแสดง แต่จริงๆ แล้วเป็นตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ของผู้กำกับโรดริเกซ ที่เขาคิดว่าเขาน่าจะดูโอเคกับบทเจ้าของคลับเปลื้องผ้าที่ดูดุดัน ขรึม และพูดยาก อย่างที่โรดริเกซบอกไว้ว่า “นั่นคือตัวตนเขาเป็นจริงๆ”

สองพี่น้องผู้กำกับ Joel Coen และ Ethan Coen ปฏิเสธที่จะให้ Josh Brolin เข้าร่วมออดิชั่นสำหรับบทบาทของ Llewelyn ในภาพยนตร์เรื่อง No Country for Old Men (2007) ทั้งคู่เลยไหว้วานโรดริเกซ ช่วยถ่ายทำเทปออดิชั่นในขณะที่อยู่ในกองถ่ายของเขา แต่ออดิชั่นนี้เล่นใหญ่เลยจากโรดริเกซและทารันติโน่ ช่วยการกำกับและถ่ายออดิชั่นด้วยกล้องราคาแพง ( $950,000) แถมยังได้  Marley Shelton ที่เล่นเป็นสามีภรรยากันใน Grindhouse มาช่วยต่อบทได้อีกต่างหาก

ในฉากในโรงพยาบาล เมื่อดาโกต้าถูกเรียกโดยสามีของเธอ(ดร. บิล บล็อก) ให้นำเข็มฉีดยามาให้ มีกระดาษโน้ตสั้น ๆ ของเธอซึ่งเขียนไว้ว่า: “สิ่งที่ต้องทำ / ซีเรียลสำหรับโทนี่ / จิ้งหรีดสำหรับสัตว์เลี้ยงของโทนี่ / คิลบิล” – แน่นอนว่าหลังนี้อ้างอิงถึงภาพยนตร์เรื่อง “Kill Bill” ของ Quentin Tarantino

โรเบิร์ต โรดริเกซเป็นคิดไอเดียเรื่อง Planet Terror ออกในขณะสร้างหนังเรื่อง The Faculty (1998) เขาถึงกับบอก Elijah Wood และ Josh Hartnett ว่าหนังซอมบี้กำลังจะกลับมาอีกครั้ง เขาต้องการที่จะทำมันก่อนเมื่อมันกลับมาฮิตอีกครั้ง เขาจึงเตรียมสคริปต์ได้มากถึง 30 หน้าก่อนที่เขาจะติดหล่มกับโปรเจ็กต์อื่น แล้วความคลั่งไคล้เรื่องหนังซอมบี้ก็เกิดขึ้นตามที่เขาคาดการณ์ไว้ โรดริเกซแสดงความคิดเห็นในภายหลังว่า “ฉันรู้ว่าฉันควรจะสร้างหนังซอมบี้ของฉันก่อนตั้งนานแล้ว”

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *