ภาพยนตร์ Planet of The Apes เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1968 กำกับโดย Franklin J. Schaffner นำแสดงโดย Charlton Heston ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในด้านรายได้และคำวิจารณ์ เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของ George Taylor มนุษย์ที่เดินทางผ่านห้วงอวกาศและมายังดาวเคราะห์แห่งหนึ่งที่วานรเป็นเผ่าพันธุ์ที่ปกครองแทนมนุษย์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมในด้านการแสดงของ Heston ฉากแอ็กชันที่ตื่นเต้น และประเด็นทางสังคมที่ว่าด้วยความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับวานร เวอร์ชั่นนี้ที่จำได้ลางๆ ที่เคยดูในบิ๊กซีนีม่า ช่อง 7 ตั้งแต่ยังเด็กๆ โน่นเลย
ปัจจุบันก็มาได้ดูภาค Dawn of The Planet of The Apes (2014) กับ War of The Planet of The Apes (2017) ใน Netflix ที่เป็นสองภาคซึ่งไม่เคยดูมาก่อนเลย หลังจากที่เคยดู Rise of The Planet of The Apes (2011) มานานมากแล้วก็ไม่ได้ตามต่อ
ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 2011 ภาพยนตร์ชุด Planet of The Apes ได้ถูกนำมาสร้างใหม่อีกครั้งโดยสตูดิโอ 20th Century Fox กำกับโดย Rupert Wyatt นำแสดงโดย James Franco ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งชื่อใหม่ว่า Rise of Planet of The Apes เล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับลิง โดยเริ่มต้นจากเหตุการณ์ที่ลิงถูกทดลองด้วยยารักษาโรคอัลไซเมอร์ที่ชื่อว่า ALZ-113 ยานี้ทำให้ลิงมีสติปัญญาสูงขึ้นและเริ่มแสดงพฤติกรรมที่เหมือนมนุษย์มากขึ้น
หลังจากออกฉาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในด้านรายได้และคำวิจารณ์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นการเล่าเรื่องต้นฉบับ Planet of The Apes ใหม่ได้อย่างน่าสนใจ โดยเน้นไปที่ประเด็นทางวิทยาศาสตร์และจริยธรรมของการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเปิดตัวนักแสดง Andy Serkis ในฐานะ “ซีซาร์” ผู้นำฝูงลิงที่ฉลาดและทรงพลัง
ต่อมาในปี ค.ศ. 2014 ทำภาคต่อขยายเรื่องออกมาเป็น Dawn of Planet of The Apes กำกับโดย Matt Reeves นำแสดงโดย Andy Serkis, Jason Clarke, และ Gary Oldman เล่าเรื่องราวแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และลิงที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
ภาคนี้ก็ยังประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในด้านรายได้และคำวิจารณ์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นการเล่าเรื่องที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้น โดยเน้นไปที่ประเด็นทางสังคมและการเมืองของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับวานร รวมถึงความขัดแย้งทางความคิดของเหล่าวานรกันเอง และยังแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของตัวละครซีซาร์ จากลิงที่ฉลาดและทรงพลัง ไปสู่ผู้นำที่กล้าหาญและเปี่ยมด้วยเมตตาที่ต่างจากความเป็นสัตว์ป่าทั่วไป
และในปี ค.ศ. 2017 ภาคสุดท้ายที่กำกับโดย Matt Reeves นำแสดงโดย Andy Serkis, Woody Harrelson, และ Judy Greer ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งชื่อใหม่ว่า War of Planet of The Apes เล่าเรื่องราวการต่อสู้ครั้งสุดท้ายระหว่างมนุษย์และวานร
และเช่นเคยยังประสบความสำเร็จทั้งในด้านรายได้และคำวิจารณ์ แม้ว่ารายได้รวมจะลดน้อยลงจากภาค Dawn ก็ตาม แต่ก็ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นการเล่าเรื่องที่น่าตื่นเต้นและทรงพลังได้เหมือนเดิม โดยเน้นไปที่ประเด็นทางมนุษยธรรมของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับวานร ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของลิงภายใต้การนำของซีซาร์ โดยส่วนตัวแล้วชอบภาคนี้ที่สุดแล้วครับ หลังจากปูทางมาจากสองภาคแรกอย่างเต็มอิ่ม ก็นำมาสู่บทสรุปได้อย่างลงตัวและดีมากเรื่องนึง
การที่ไตรภาค Planet of The Apes ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในด้านรายได้และคำวิจารณ์ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากวิธีคิดของการเล่าเรื่องในแบบใหม่ ภาพยนตร์ชุดนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเล่าเรื่องย้อนยุคตามต้นฉบับ Planet of The Apes เท่านั้น แต่ยังเป็นการเล่าเรื่องใหม่ด้วยมุมมองที่แตกต่างออกไปให้เหมาะสมกับในยุคปัจจุบัน เน้นไปที่ประเด็นทางวิทยาศาสตร์และจริยธรรมของการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ และยังแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าเกินรับมือไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบต่อสติปัญญาของมนุษย์และเหล่าวานร
เท่านั้นยังไม่พอ ก็ยังเน้นไปที่ประเด็นทางสังคมและการเมืองของความขัดแย้งกันเองของมนุษย์และวานร ที่ความคิดไม่สามารถบรรจบให้อยู่ร่วมกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งในเรื่องของอำนาจและความต้องการเป็นผู้นำ ก่อนที่ปิดท้ายด้วยประเด็นทางมนุษยธรรม แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของความเป็นมนุษย์และความเป็นวานร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณค่าของความรัก มิตรภาพ และครอบครัว
สิ่งที่แตกต่างจากเวอร์ชั่น 1968
ภาพยนตร์เรื่อง Planet of the Apes ในปี 1968 เล่าเรื่องราวในมุมมองของมนุษย์ที่ถูกจับเป็นเชลยบนดาวเคราะห์ที่วานรเป็นเผ่าพันธุ์ที่ปกครองมนุษย์ เนื้อเรื่องเน้นไปที่ประเด็นทางสังคมและการเมืองของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับลิง โดยแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างมนุษย์และลิงในด้านสติปัญญาและวัฒนธรรม จบลงด้วยฉากหักมุมที่แสดงให้เห็นว่าดาวเคราะห์ที่ลิงปกครองนั้นแท้จริงแล้วคือโลกในอนาคตที่มนุษย์นั้นสูญพันธุ์ไปแล้ว
นอกจากนี้ ไตรภาค Planet of the Apes ยังแตกต่างจากภาพยนตร์ปี 1968 ในเรื่องต่อไปนี้
- ต้นกำเนิดของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับลิง: ในภาพยนตร์ปี 1968 ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับลิงเกิดขึ้นจากสงครามนิวเคลียร์ แต่ในไตรภาค Planet of the Apes ใหม่ ความขัดแย้งเกิดจากการพัฒนายารักษาโรคอัลไซเมอร์ที่ชื่อว่า ALZ-113
- พัฒนาการของตัวละคร Caesar: ในภาพยนตร์ปี 1968 Caesar เป็นตัวละครที่ฉลาดและทรงพลังตั้งแต่ต้น แต่ในไตรภาค Planet of the Apes ใหม่ Caesar ค่อย ๆ พัฒนาจากลิงที่ฉลาดและทรงพลัง ไปสู่ผู้นำที่กล้าหาญและเปี่ยมด้วยเมตตา
- ฉากจบ: ในภาพยนตร์ปี 1968 ฉากจบเป็นฉากหักมุมที่แสดงให้เห็นว่าดาวเคราะห์ที่ลิงปกครองนั้นแท้จริงแล้วคือโลกในอนาคตที่มนุษย์สูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ในไตรภาค Planet of the Apes ใหม่ ฉากจบเป็นฉากที่แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของลิงภายใต้การนำของซีซาร์
เวอร์ชั่นของ Tim Burton ในปี 2001 ล่ะ?
ภาพยนตร์เรื่อง Planet of the Apes 2001 ของทิม เบอร์ตัน ได้รับคำวิจารณ์ไม่ค่อยดีจากนักวิจารณ์และนักชม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้แม้ว่าจะมีการรีเมคจากต้นฉบับจากเวอร์ชั่นในปี 1968 ซึ่งเป็นภาพยนตร์ต้นฉบับที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยปรับเปลี่ยนตอนจบได้ใกล้เคียงกับนวนิยายได้มากกว่า
การได้รับการตอบรับเชิงบวกและลบด้วยเหตุผลหลายประการ คำวิจารณ์ส่วนใหญ่มุ่งไปที่โครงเรื่องที่ซับซ้อนและสับสน ซึ่งเบี่ยงเบนเนื้อหาต้นฉบับอย่างมีนัยสำคัญ การเล่าเรื่องขาดความสอดคล้องกัน และตอนจบซึ่งมีการวนซ้ำของช่วงเวลาที่ค่อนข้างน่าสับสน ทำให้ผู้ชมและนักวิจารณ์ต่างเกาหัวกันแกรกๆ นอกจากนี้ การพัฒนาตัวละครและบทสนทนาขาดความลุ่มลึกไปบ้าง โดยรู้สึกว่าตัวละครที่เป็นมนุษย์ขาดความลึกซึ้งและความสัมพันธ์ระหว่างกันนั้นออกมาดูไม่ค่อยดีและน่าเชื่อถือเท่าไหร่นัก
นอกจากนี้ การแต่งหน้าและการออกแบบเครื่องแต่งกาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของภาพยนตร์เรื่องก็ยังเคอะเขิลอีกด้วย แม้จะมีอุปกรณ์ที่น่าประทับใจและวิชวลเอฟเฟคและฉากแอคชั่นที่ตื่นตาตื่นใจได้มากกว่าก็ตาม แต่เทียบซีรีส์ต้นฉบับแล้วมันคงขาดเสน่ห์บางอย่างไปล่ะมั้งครับ เลยทำให้คนที่เคยดูเวอร์ชั่นก่อนๆ รู้สึกไม่ประทับใจเท่าไหร่ จนต้องเกิดการรีบูทใหม่ทั้งสามภาคอีกครั้งอย่าง Rise, Dawn และ War of the planets of the Apes ขึ้นมากอบกู้สถานการณ์ของแฟนไชส์เรื่องนี้ได้อีกครั้ง
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ