ในโลกของภาพยนตร์ฮอลลีวูด มีภาพยนตร์บางเรื่องที่ถือเป็นคลาสสิกอมตะ เนื่องจากสามารถสะท้อนเรื่องราวที่ยังคงทันสมัยได้ทุกยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือ “The Missouri Breaks” ที่ออกฉายในปี 1976 กำกับโดยผู้กำกับมากฝีมืออย่าง อาร์เธอร์ เพนน์ และนำแสดงโดยนักแสดงคนสำคัญอย่างมาร์ลอน แบรนโดและแจ็ค นิโคลสัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในผลงานยอดเยี่ยมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากการดำเนินเรื่องที่น่าติดตามประกอบกับการแสดงในบทบาทหลักที่สมจริง ทำให้ผู้ชมได้เข้าไปสัมผัสกับธรรมชาติอันงดงามของอเมริกาตะวันตกในสมัยก่อน ที่ความปราศจากกฎหมายและศีลธรรมได้มาปะทะกันในเรื่องราวแค้นและการไถ่บาปอันน่าสนใจ
ฉากหลังในช่วงศตวรรษที่ 19 ณ พื้นที่ภูเขาสูงชันในมลรัฐมอนแทนา ซึ่งเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยเสียงร้องของเหล่าสัตว์เลี้ยงในปศุสัตว์และอิทธิพลของพวกนอกกฎหมาย แจ็ค นิโคลสันรับบทเป็นทอม โลแกน หัวหน้าพวกขโมยม้าผู้มากเสน่ห์และยังเป็นผู้นำกลุ่มเหล่าคนนอกกฎหมาย ขณะที่มาร์ลอน แบรนโดสวมบทบาทเป็นลี เคลย์ตัน นายพรานรับจ้างผู้หลงใหลในสิ่งแปลกประหลาด ซึ่งได้รับมอบหมายให้นำกฎหมายและความสงบสุขมาสู่ดินแดนนี้ที่ปราศจากกฎระเบียบ ด้วยการดำเนินเรื่องที่น่าติดตามและการแสดงระดับเยี่ยม ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงบรรยากาศอันแท้จริงของดินแดนตะวันตกสมัยอดีตที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและการต่อสู้เพื่อครองอำนาจนั้นได้อย่างชัดเจน
แก่นแท้ของเรื่องคือ การบอกเล่าเรื่องราวที่ขับเคลื่อนไปด้วยตัวละครเอกอย่างแท้จริง โดยเจาะลึกซึ้งเข้าไปในจิตใจและความซับซ้อนของตัวละครหลัก ในบทบาทของทอม โลแกน แจ็ค นิโคลสันนำเสนอการแสดงที่มีรายละเอียดและมิติอย่างหลากหลาย จับแก่นแท้ของชายคนหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งระหว่างความจงรักภักดีต่อพวกพ้องกับความโหยหาการแก้แค้นภายในจิตใจ ขณะที่การแสดงของมาร์ลอน แบรนโดในบทบาทลี เคลย์ตัน ได้สะท้อนให้เห็นถึงความน่ากลัวและปริศนาแปลกประหลาดได้อย่างลงตัว ช่วยยกระดับตัวละครให้ก้าวเข้าสู่บรรดาตำนานบนจอภาพยนตร์ระดับโลก ด้วยการเล่าเรื่องที่ลุ่มลึกผ่านมิติตัวละคร และการแสดงชั้นยอดของนักแสดงนำ จึงทำให้ “The Missouri Breaks” กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์คลาสสิกตลอดกาลที่ไม่อาจมองข้าม
และโดยส่วนตัวคิดว่า “The Missouri Breaks” มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมสมัยนิยมในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิดีโอเกมเกมยอดนิยมอย่าง “Red Dead Redemption 2” ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2018 มีฉากหลังเป็นโลกกว้างใหญ่ของพื้นที่ชายแดนอเมริกา สะท้อนทั้งทิวทัศน์ที่กันดารและบรรยากาศอันรุนแรงปราศจากกฎหมายเช่นเดียวกับภาพยนตร์ของเพนน์
โดยสรุบแล้ว “The Missouri Breaks” ปี 1976 ถือเป็นผลงานภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยการผสมผสานเรื่องราวที่น่าติดตามเข้ากับการแสดงที่ประทับใจอย่างยากจะลืมเลือน ความโดดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงมีเสียงสะท้อนอยู่ในวัฒนธรรมสมัยใหม่ ในฐานะคนรักภาพยนตร์และเกม RDR2 เราไม่อาจปฏิเสธความประทับใจต่ออิทธิพลอันลึกซึ้งของผลงานภาพยนตร์คลาสสิกเรื่องนี้ที่ยังคงกำหนดแนวทางวัฒนธรรมจนถึงปัจจุบัน
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- การแสดงส่วนใหญ่ของมาลอน แบรนโดนั้น ส่วนใหญ่ด้นสด แม้จะขัดใจผู้กำกับแค่ไหนแต่ก็ต้องยอมปล่อยให้เล่นไป
- แต่นั่นยังไม่พอ มาลอน แบรนโด ชอบใช้คิวการ์ด (cue cards) เวลาอยู่หน้ากล้อง แต่แจ็ค นิโคลสันนั้นเข้าขั้นไม่ชอบเอาเสียเลย โดยเฉพาะต้องเข้าฉากด้วยกัน มันทำให้แกเสียสมาธิอ่ะ
- แต่อย่างไรก็ตามสองคนนี้ก็เป็นเพื่อนบ้านกัน แต่ว่าก็ไม่เคยร่วมงานด้วยกันมาก่อนหนังเรื่องนี้
- ตามบทความ “Dustin Hoffman in Spurs? Method Actors Show the Old West Who’s Boss” ของ Robert Silva ระบุว่าการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมประหลาดๆ ของมาร์ลอน แบรนโด เช่น กัดกบและจับตั๊กแตนหลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายทำในแต่ละวัน
- ในบทสัมภาษณ์ที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร TIME เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 1976 บอกว่ามาร์ลอน แบรนโด “ได้เปลี่ยนลักษณะทั้งหมดของตัวละครของเขา ซึ่งเป็นนักล่าค่าหัวชื่อโรเบิร์ต อี. ลี เคลย์ตัน โดยการคิดค้นอาวุธมือที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งมีลักษณะคล้ายทั้งฉมวกและกระบองหนาม ที่เขาใช้ในการสังหาร” แบรนโดกล่าวว่า “ผมสงสัยมาตลอดว่าทำไมในประวัติศาสตร์ของอาวุธที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ไม่มีใครประดิษฐ์อาวุธแบบนี้ขึ้นมา มันดึงดูดความสนใจผมเพราะผมเคยเชี่ยวชาญในการขว้างมีดมาก่อน”
- ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกจัดอยู่ในรายชื่อที่ถูก “คว่ำบาตร” ของสมาคมมนุษยธรรมอเมริกัน (AHA) เนื่องจากการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างไม่เหมาะสมในกองถ่าย โดยทางกองถ่ายปฏิเสธไม่ให้ตัวแทน AHA เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ถ่ายทำ และมีรายงานว่าม้าจมน้ำตายและพิการจากการใช้สายลวดขัดขาม้าเพื่อให้ล้ม และอีกหลายตัวบาดเจ็บจากฉากม้าวิ่งชนกัน สมาคมป้องกันการทารุณกรรมสัตว์แห่งสหรัฐอเมริกา (ASPCA) จึงเรียกร้องให้คว่ำบาตรภาพยนตร์เรื่องนี้
- ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในปีเดียวกันกับภาพยนตร์ตะวันตกฟอร์มยักษ์หลายเรื่อง เช่น Buffalo Bill and the Indians, or Sitting Bull’s History Lesson (1976), The Shootist (1976), The Outlaw Josey Wales (1976) จากภาพยนตร์ทั้งหมดนี้ มีเพียงสองเรื่องสุดท้ายเท่านั้นที่ได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชมทั่วไป
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ