ภาพยนตร์ “Don’t Move – อย่าขยับ” ของ Netflix พยายามที่จะเพิ่มเติมให้กับแนวระทึกขวัญ แต่น่าเสียดายที่ไม่ประสบความสำเร็จ นำเสนอโครงเรื่องที่คุ้นเคยโดยมีเนื้อหาสาระน้อย แทนที่จะเป็นการเดินทางทางจิตวิทยาที่เข้มข้น กลับรู้สึกเหมือนการทำตามสูตรของหนังแนวนี้ ซึ่งความระทึกขวัญแทบจะไม่ได้ก้าวข้ามไปเกินกว่าโครงเรื่องพื้นฐาน หรือตอนจบที่น่าผิดหวังในที่สุด การที่ไม่ได้นำเสนอตัวละครเอกอย่างลึกซึ้ง ทำให้บดบังการเชื่อมโยงกับบาดแผลทางจิตใจของตัวละครอย่างแท้จริง
ตัวเอกของเรื่องไอริส (รับบทโดย Kelsey Asbille) เริ่มต้นวันของเธอในความมืดมน สะท้อนความชาด้านความรู้สึกหลังจากโศกนาฏกรรมในครอบครัว หลังจากการเสียชีวิตของลูกชายจากการตกหน้าผา ไอริสดูเหมือนจะถูกผูกมัดด้วยความโศกเศร้าไปพร้อมกับที่เธอมุ่งหน้าไปยังเส้นทางเดินป่าเพื่อเตรียมที่จะจบชีวิตของเธอ แต่แผนของเธอถูกขัดจังหวะเมื่อคนแปลกหน้าชื่อริชาร์ด (รับบทโดย Finn Wittrock) มาช่วยเธอออกจากจุดวิกฤต—แต่เขากลับมีเจตนาอันน่าสะพรึงกลัวซุกซ่อนอยู่
การแสดงความอบอุ่นในตอนแรกของริชาร์ดจะค่อยๆ มืดมนลง เมื่อเขาฉีดซีรั่มที่ทำให้เป็นอัมพาตให้แก่ไอริส และตั้งใจพาเธอไปยังกระท่อมที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว นั่นเองเป็นจุดเด่นของเรื่องที่ไอริสต้องต่อสู้กลับด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ แต่ฉากการชิงไหวชิงพริบที่ถูกจำกัดด้วยการขยับตัวไม่ได้นั้นกลับขาดการสร้างความตึงเครียดพอควร
ตัวละครริชาร์ดแม้จะฉลาด, ปรับตัวและวางแผนได้ดี แต่ยังคงเป็นตัวละครที่มีมิติเดียว เสน่ห์อันบิดเบี้ยวของเขาไม่ได้ถูกรองรับด้วยความลึกซึ้งทางอารมณ์แต่อย่างใด ในขณะที่ตัวหนังก็พยายามสร้างโทนของความระทึกขวัญ แต่กลับมีสิ่งที่น่าจดจำในตัวละครริชาร์ดน้อยมาก ไม่ค่อยอิมแพคเท่าที่ควร ทำให้เขาเป็นเพียงตัวตนที่ชั่วร้ายเท่านั้น
ในส่วนของตัวละครไอริส เรื่องราวดูเหมือนจะพยายามพัฒนาตัวละครของเธอ แต่ก็ยังดูติดขัด โดยใช้การที่เธอเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นสัญลักษณ์แทนความโศกเศร้า แต่ไม่ได้ลงลึกไปมากกว่านั้น การแสดงผ่านการเคลื่อนไหวทางร่างกายที่ละเอียดอ่อนในบทบาทนี้ ถ่ายทอดความโศกเศร้าของไอริสผ่านท่าทางเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่องก็ไม่สามารถขยายการเดินทางของตัวละครของเธอได้ ปล่อยให้เธอติดอยู่กับบาดแผลทางจิตใจ และที่น่าขันก็คือเหมือนติดอยู่กับโครงเรื่องของหนังเองด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุดแล้ว Don’t Move – อย่าขยับ เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญที่อาจทำหน้าที่เป็นเพียงความบันเทิงชั่วครู่เท่านั้น เป็นหนังที่ทิ้งความประทับใจไว้เพียงเล็กน้อยและขาดความลึกซึ้งที่จะสร้างความสะเทือนใจได้อย่างแท้จริง และตอนที่ดูเหมือนถูกเซ็ตไว้ที่แคลิฟอร์เนีย แต่ก็แอบสงสัยว่าเอ..บรรยากาศป่าที่แคลลิเป็นอย่างนี้มีด้วยเหรอ จนไปเสิร์ชจึงรู้ว่ายกกองถ่ายไปถ่ายกันที่ประเทศบัลแกเรียกันเลยทีเดียว โดยใช้หลายสถานที่ เช่น Zlatnite Mostove และ Belogradchik Fortress แทนป่าในแคลิฟอร์เนีย เพราะปัจจัยเรื่องค่าใช้จ่ายและอัตราภาษีที่ถูกกว่าถ่ายในแคลิฟอร์เนียนั่นเอง
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ