หลังจากปรากฏการณ์ซีรี่ส์ไทย ‘อย่ากลับบ้าน’ หลายคนต่างชื่นชมในการสร้างสรรค์ของฝั่งไทย ซึ่งกลิ่นกลายของซีรี่ส์ไม่พ้นที่จะถูกอ้างอิงจาก DARK (2017-2029) อย่างแน่นอน โดยเฉพาะหลายๆ ความเห็นว่าเจอ DARK รับรองมึนกว่านี้อีก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามึนกว่าจริงๆ เพราะในเรื่องจะสร้างโลกคู่ขนานมาอีก 2 โลกและสามช่วงเวลาอีกต่างหาก ไม่มึนก็จะไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
DARK ซีรีส์ภาษาเยอรมันเรื่องแรกของ Netflix เป็นเรื่องราวไซไฟสุดซับซ้อนที่พาผจญภัยการเดินทางข้ามเวลา โชคชะตา และวงจรการตัดสินใจของมนุษย์ ในตลอดทั้ง 3 ซีซั่น DARK พาผู้ชมดำดิ่งสู่ปริศนาอันซับซ้อนในเมืองเล็กๆ อย่างวินเดน ที่ซึ่งการหายตัวไปของผู้คนได้เผยให้เห็นความเชื่อมโยงลึกลับระหว่างห้วงเวลาต่างๆ ต่อไปนี้คือการสรุปเนื้อเรื่องแยกตามซีซั่น รวมถึงเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ เพื่อช่วยไขปมเรื่องราวอันซับซ้อนนี้ เพื่อไปสู่จุดที่ทำให้เข้าใจง่ายและหายงงแน่ๆ ครับ
ซีซั่น 1: จุดเริ่มต้นของวงจร
เริ่มต้นด้วยปริศนาที่ดูเหมือนจะเรียบง่าย ด้วยการหายตัวไปของเด็ก 2 คนในเมืองวินเดน แต่เมื่อเราติดตามเรื่องราวของ โจนาส คานวัลด์ วัยรุ่นที่ดูมีปมในใจ เราก็เริ่มตระหนักว่าซีรีส์นี้มีอะไรมากกว่าแค่เรื่องคนหายธรรมดาๆ จากนั้นซีรีส์ได้แนะนำให้พบกับกับแนวคิดเรื่องวงจรเวลา 33 ปี ที่เชื่อมโยงเหตุการณ์ในปี 1953, 1986 และ 2019 เข้าด้วยกันผ่านรูหนอน(wormholes)ใต้เมืองวินเดน โจนาสค้นพบว่าพ่อของเขา ไมเคิล แท้จริงแล้วคือ ‘มิคเคล นีลเซน’ ที่เดินทางย้อนเวลาจากปี 2019 ไปยังปี 1986 และเติบโตขึ้นในวินเดน การเปิดเผยนี้เป็นร่องรอยแรกที่แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของสายสัมพันธ์ในครอบครัวและห่วงเวลาในซีรี่ส์
ขณะที่โจนาสค้นพบความลับของวินเดน เขาตระหนักว่าตัวเขาเองมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ที่กำลังคลี่คลาย และในซีซั่น 1 จบลงด้วยการที่โจนาสจากอนาคต (รู้จักกันในนาม The Stranger) มาเตือนตัวเขาในปัจจุบันเกี่ยวกับหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการปูทางให้กับเรื่องราวที่แผ่ขยายไปหลายห้วงเวลาและความเป็นจริงในมิติคู่ขนาน
ซีซั่น 2: หายนะและการค้นหาการควบคุม
ซีซั่น 2 ดำดิ่งลึกลงไปในตำนานของการเดินทางข้ามเวลา ท่องไปกับความลับของระบบในถ้ำและอุปกรณ์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยอดัม บุคคลลึกลับผู้นำกลุ่มที่เรียกว่า Sic Mundus(ซิก มันดัส) ซึ่งทุ่มเทเพื่อควบคุมเวลา ขณะเดียวกันโจนาสก็ค้นพบว่าอดัมคือตัวเขาเองในอนาคต ที่ถูกบิดเบือนจากการพยายามทำลายวงจรเวลา ซึ่งการเปิดเผยนี้เพิ่มมิติที่น่าขนลุกให้กับตัวละครโจนาส แสดงให้เห็นว่าความปรารถนาที่จะ “แก้ไข” สิ่งต่างๆ และหลุดพ้นจากวงจรของเหตุการณ์ อาจนำพาเขาไปสู่เส้นทางมืดมนก็ได้
เนื้อเรื่องดำเนินไปพร้อมกับสร้างความตึงเครียดที่จะไปสู่การเผชิญหน้าครั้งสำคัญ ขณะที่วันหายนะใกล้เข้ามา ตัวละครจากแต่ละห้วงเวลาก็ทำงานแข่งกับเวลา แต่คนละความคิดกัน กลุ่มแรกเพื่อที่จะป้องกันหายนะ ส่วนอีกกลุ่มก็จะเร่งให้เกิดเหตุการณ์มหาวิบัตินี้ขึ้นแทน และพันธมิตรต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปเมื่อแรงจูงใจชัดเจนขึ้น ซึ่งเนื้อเรื่องจะแสดงให้เห็นชัดว่าการเลือกของตัวละครแต่ละคนถูกผูกมัดด้วยโชคชะตา แม้พวกเขาจะพยายามอยากจะหลุดพ้นมันก็ตาม หายนะในปี 2020 จะทำให้เมืองวินเดนแตกสลาย นำไปสู่ความหายนะในโลกความเป็นจริง และทิ้งผู้ชมไว้กับความตึงเครียดจากการตายอันน่าตกใจของมาร์ธา และการแนะนำโลกคู่ขนาน
ซีซั่น 3: โลกคู่ขนานและจุดกำเนิด
ในซีซั่นสุดท้ายเนื้อเรื่องขยายขอบเขตของเรื่องราว สำรวจการมีอยู่ของโลกคู่ขนานสองโลก แต่ละโลกได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์วนเวียนเดียวกันและถูกผูกมัดด้วยโศกนาฏกรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราได้เรียนรู้ว่าทั้งสองโลกเกิดจากโลกต้นกำเนิดเพียงโลกเดียว ที่ซึ่ง เอช.จี. แทนเฮาส์ ช่างนาฬิกาได้สร้างเครื่องเดินทางข้ามเวลาเพื่อช่วยครอบครัวของเขาหลังจากที่พากันเสียชีวิตในอุบัติเหตุ เครื่องจักรนี้แยกโลกออกเป็นสองส่วน ก่อให้เกิดห่วงแห่งความทุกข์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดในทั้งโลกของโจนาสและมาร์ธา
โจนาสและมาร์ธาจากแต่ละโลกพยายามไขปริศนาด้วยการค้นพบจุดกำเนิด—จุดที่ทั้งสองโลกถูกสร้างขึ้น ในจุดไคลแมกซ์ที่น่าตื่นเต้น พวกเขาเข้าสู่โลกต้นกำเนิดเพื่อป้องกันไม่ให้แทนเฮาส์สร้างเครื่องจักรนั้นขึ้นมา ซึ่งเป็นการลบทั้งสองเส้นเวลาออกไปทั้งหมด การกระทำนี้เป็นการเสียสละการดำรงอยู่ของพวกเขาเอง แต่ในที่สุดก็ยุติวงจรแห่งความเจ็บปวดสำหรับชาวเมืองวินเดน ซีรีส์จบลงด้วยฉากแห่งความสงบ ที่ซึ่งการไม่มีตัวตนของโจนาสและมาร์ธาบ่งบอกถึงอิสรภาพที่ได้มาในที่สุดผ่านการเสียสละของพวกเขา
บทสรุป: สาระอันลึกซึ้งของ DARK
อย่างที่สรุปไปจากทั้ง 3 ซีซั่น สิ่งที่เราปวดหัวที่สุดคือการพันกันอลวนของตัวละครจาก 2 โลกและสามช่วงปี แต่ถ้าไม่อยากปวดหัวว่าอะไรเป็นอะไรนั้น เราเข้าใจไปเลยง่ายๆ ว่าหลังจากไปหยุดยั้งสิ่งที่ก่อกำเนิดลูปย้อนเวลาทั้ง 2 โลกนี้ โลกในหนังสงบสุข โลกของคนดูก็ได้สงบจิตไปด้วยไม่ติดค้างและไม่ต้องไปสนใจเหตุการณ์คู่ขนานของสองโลกใหม่นั่น เป็นสิ่งที่ทำให้เราเข้าใจง่ายที่สุดแล้ว
ซีรี่ส์นี้ถือว่าเป็นบทเรียนชั้นเยี่ยมในการถักทอเรื่องราวอันซับซ้อนเกี่ยวกับเวลา โชคชะตา และความเข้มแข็งของมนุษย์เข้าด้วยกัน และยังท้าทายให้ผู้ชมต้องเผชิญหน้ากับคำถามเชิงปรัชญาเกี่ยวกับเจตจำนงเสรี ตัวตน และธรรมชาติของความเป็นจริง แม้จะมีความซับซ้อน แต่ DARK ตอบแทนผู้ชมที่อดทนด้วยเรื่องราวที่ถูกวางโครงเรื่องอย่างพิถีพิถัน และปิดฉากเรื่องราวอันกว้างขวางในซีซั่น 3 ได้อย่างงดงาม ซีรีส์นี้เป็นผลงานที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่าเรื่องที่ซับซ้อน โดยมีแก่นเรื่องเกี่ยวกับความรัก การเสียสละ และความงดงามอันน่าหลงใหลของจักรวาลที่หมุนวน
Flow Chart แบบง่ายๆ เพื่อความเข้าใจ
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ