ภาพยนตร์เรื่อง Upstream ชื่อไทย ต้นน้ำ (2024) กำกับและแสดงนำโดย สวีเจิง (Zheng Xu) ที่นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับความท้าทายการดิ้นรนใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ของจีนยุคปัจจุบัน เริ่มด้วยฉากเปิดเรื่องสามารถถ่ายทอดภาพชีวิตในเมืองที่มืดมนได้อย่างเรียลมากๆ ทั้งแรงกดดันทางสังคมที่ไม่มีวันจบสิ้น การแข่งขันในตลาดแรงงานที่รุนแรง และการรุกคืบของเทคโนโลยีโดยเฉพาะแอปบนโทรศัพท์มือถือ ผู้กำกับนั้นรับบทเป็น “เกา จื้อเหลย” (Gao Zhilei) หัวหน้าทีมพัฒนาแอปฯ วัย 45 ปี ถ่ายทอดออกมาได้อย่างลึกซึ้งในบทบาทของชายวัยกลางคนที่กำลังเผชิญกับความถดถอยในอาชีพและปัญหาชีวิตส่วนตัว
เรื่องราวนั้นเริ่มจากเกาจื้อเหลยที่สูญเสียตำแหน่งหัวหน้าทีมที่เขาทุ่มเททำงานหนักมาหลายปีจนสุขภาพทรุดโทรม เมื่อถูกบริษัทเลิกจ้างอย่างกะทันหัน อายุเยอะเงินเดือนสูงและการก้าวเข้ามาของคนรุ่นใหม่ การหางานในอาชีพเดิมนั้นไม่ได้ง่ายดายอีกต่อไป ส่งผลให้ความมั่นใจในตัวเองพังทลาย หลังตกงานหลายเดือน ชีวิตของเกายิ่งย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกันต้องแบกรับภาระเลี้ยงดูครอบครัวอีก 4 ชีวิตเพียงลำพังซึ่งเปรียบเสมือน “ต้นน้ำ” ตามชื่อเรื่อง และแม้จะพยายามปิดบังเรื่องตกงานจากภรรยา แต่โชคชะตากลับนำพาให้เขาพบโอกาสใหม่ในการเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร จุดเปลี่ยนนี้ได้พลิกโฉมภาพยนตร์จากการวิพากษ์สังคมที่หดหู่ ให้กลายเป็นเรื่องราวอบอุ่นที่เน้นการปรับตัวของตัวละครซึ่งทำออกมาในชนิดที่ว่า 2 ชั่วโมงนั้นไม่มีช่วงเบื่อ ทำจังหวะของหนังออกมาได้ดีมากๆ เรื่องนึงเลย
ทีมเขียนบทโดยสวีเจิงและเหอเค่อเค่อ ได้แรงบันดาลใจจากนวนิยายออนไลน์ของชิงหมิงและเรื่องราวชีวิตจริงที่ได้สัมผัสมา พวกเขาสอดแทรกมุกตลกและจังหวะเร็วๆ เพื่อเล่าเรื่องการปรับตัวของเกาในโลกใบใหม่ เมื่อเกาเริ่มเรียนรู้งานการเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร ผู้ชมก็จะค่อยๆ เข้าใจการต่อสู้ของเขามากขึ้น และได้เห็นความฉลาดของเขาที่เริ่มเปล่งประกาย โดยเฉพาะทักษะด้านไอทีที่กลับมาเป็นประโยชน์อย่างไม่คาดคิด มิตรภาพกับเพื่อนร่วมงานใหม่ยังแสดงให้เห็นความหลากหลายและความยากลำบากร่วมกันของคนทำงานที่เปรียบดั่งชนชั้นแรงงานที่ต้องดิ้นรน เรื่องราวยิ่งสมบูรณ์ขึ้นด้วยการแสดงที่โดดเด่นของเจียปิงในบทผู้จัดการสถานีที่เคร่งครัดที่มีคำพูดคมๆ ว่า งานเราเหมือนชนชั้นแรงงานก็จริง แต่ก็เปรียบได้ดั่งคนขับรถลิมูซีน อย่างน้อยก็ยังได้อยู่ในรถหรู และซินจื้อเล่ยในบทภรรยาที่เข้าใจและคอยสนับสนุนเกาดั่งลมใต้ปีก รวมถึงตัวละครสมทบอื่นๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมทีมของเกา ทำให้ภาพยนตร์นี้มีมิติมากยิ่งขึ้นในการสะท้อนชีวิตของไรเดอร์แต่ละคน
ในด้านเทคนิคการถ่ายทำ จุดเด่นของภาพยนตร์อยู่ที่การงานภาพที่นำเสนอบรรยากาศในตรอกซอยเซี่ยงไฮ้ได้อย่างสมจริงและมีชีวิตชีวา โทนภาพให้ความรู้สึกสิ่งที่กำลังจะเป็นโลกอนาคตหรือก่อนยุคไซเบอร์พังก์ ที่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าวิ่งกันเกลื่อนเมืองกับเทคโนโลยีของแอปไรเดอร์ การตัดต่อที่ดีของเรื่องนี้ก็ช่วยเพิ่มพลังให้กับฉากสำคัญในจังหวะที่เหมาะสมอารมณ์ลุ้นได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะฉากที่แสดงการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของเกา แม้ว่าในช่วงฉากไคลแม็กซ์กลับทำลายอารมณ์หลักของเรื่องไปนิดหน่อยก็ตาม
แม้ส่วนตัวเองจะไม่ใช่แฟนภาพยนตร์จากจีนเท่าไหร่ แต่ก็พอจำได้ว่าสวีเจิงนั้นโด่งดังจาก “แก๊งม่วนป่วนไทยแลนด์” (Lost in Thailand) หนังตลกที่ทำให้การท่องเที่ยวของไทยโด่งดังในจีนยิ่งขึ้นไปอีก แต่พอมาพลิกทำหนังที่ไม่ใช่หนังตลกโปกฮามาทำหนังคนสู้ชีวิตแบบนี้ ก็นับว่ายังทำออกมาได้ดีทีเดียว ยิ่งถ้าใครประกอบอาชีพไรเดอร์นั้นยิ่งน่าจะอินกับหนังเรื่องนี้เข้าไปได้ไม่ยากเย็นเลย และหนังสามารถสะท้อนภาพการดิ้นรนของอาชีพไม่ว่าอาชีพใดก็ตาม ความมั่นคงในสังคมที่การต่อสู้เข้มข้นแบบนี้นั้น ในแต่ละวันไม่ต่างกับการเดิมพันด้วย “ต้นน้ำ” หรือรายได้ของครอบครัวเลยทีเดียว หรือในอีกนัยนึงก็คือความมุ่งมั่นและความพยายามที่จะเอาชนะความยากลำบาก แม้ว่ากระแสชีวิตจะพัดพาเขาไปในทางที่ตรงกันข้าม การดิ้นรนของมนุษย์ที่ต้องปรับตัวและพัฒนาตัวเองในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งหาชมได้แล้วใน NETFLIX ตอนนี้ครับ
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่มีผู้ช่วยเขียนเป็น A.I. หากเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ