Skip to content

[รีวิว] Terminator: Dark Fate | ฅนเหล็ก: วิกฤตชะตาโลก (2019)

เวลาที่ใช้อ่าน : 2 นาที

Terminator: Dark Fate (2019) ถือเป็นความพยายามที่จะฟื้นคืนชีพแฟรนไชส์คนเหล็ก ด้วยการดึง James Cameron ผู้สร้างสรรค์ต้นฉบับกลับมาในฐานะผู้อำนวยการสร้าง และการกลับมาของ Linda Hamilton ในบทซาราห์ คอนเนอร์ ภาคนี้ได้รับการโปรโมตว่าเป็นภาคต่อโดยตรงของ Terminator 2: Judgment Day (1991) และข้ามเนื้อหาของภาค 3, 4, และ 5 เพื่อสร้างเส้นเรื่องใหม่ที่เข้มข้นและสอดคล้องกับต้นฉบับมากขึ้น

เนื้อเรื่องย่อ (Spoilers Alert!)

Terminator: Dark Fate เริ่มต้นด้วยการเปิดเผยเหตุการณ์หลังจาก T2 เพียงไม่กี่ปี แม้ซาราห์และจอห์น คอนเนอร์จะสามารถหยุดยั้งวันโลกาวินาศและทำลาย Skynet ได้สำเร็จ แต่ความสงบสุขนั้นกลับอยู่ได้ไม่นาน ในฉากเปิดของ Dark Fate T-800 รุ่นหนึ่ง (Arnold Schwarzenegger) ที่ถูกส่งมายังอดีตในช่วงเวลาก่อนการทำลาย Skynet ได้สังหาร จอห์น คอนเนอร์ ขณะที่เขายังเป็นวัยรุ่น เหตุการณ์นี้ส่งผลให้อนาคตเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แม้ Skynet จะไม่มีอยู่ แต่ AI ใหม่ที่ชื่อ Legion ก็ถือกำเนิดขึ้นแทน เป็นการสะท้อนว่าภัยจากเทคโนโลยีไม่สามารถถูกทำลายได้อย่างแท้จริง แต่เพียงเปลี่ยนรูปร่างและรูปแบบไปเท่านั้น

Legion ได้สร้างเครื่องจักรสังหารรุ่นล่าสุด Rev-9 (รับบทโดย Gabriel Luna) ที่ย้อนเวลามาในปี 2020 เพื่อไล่ล่า แดนี่ รามอส (Natalia Reyes) หญิงสาวธรรมดาที่กลายเป็นศูนย์กลางของการต่อต้านในอนาคต แดนี่ได้รับการปกป้องโดย เกรซ (Mackenzie Davis) มนุษย์ดัดแปลงจากอนาคต และซาราห์ คอนเนอร์ผู้ยังคงตามล่า Terminator อย่างไม่ลดละ ระหว่างทาง พวกเขาได้พบกับ T-800 รุ่นเก่า (รับบทโดย Arnold Schwarzenegger) ซึ่งเคยสังหารจอห์น คอนเนอร์ในอดีต และในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติ

บทวิจารณ์

จุดเด่น:

  • การกลับมาของตัวละครในตำนาน: Linda Hamilton และ Arnold Schwarzenegger ยังคงถ่ายทอดบทบาทของพวกเขาอย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะ Hamilton ที่แสดงให้เห็นถึงพลังและความเจ็บปวดในฐานะแม่ที่สูญเสียลูกชาย
  • ฉากแอ็กชัน: Dark Fate เต็มไปด้วยฉากแอ็กชันที่เข้มข้นและสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการไล่ล่าของ Rev-9 ที่นำเสนอเทคโนโลยีหุ่นยนต์แบบใหม่
  • แนวคิดใหม่ในอนาคต: Legion และ Rev-9 นำเสนอภัยคุกคามใหม่ที่น่าสนใจ แม้ว่าจะยังมีความคล้ายคลึงกับ Skynet อยู่บ้าง

จุดด้อย:

  • การเล่าเรื่องที่คาดเดาได้: แม้เนื้อเรื่องจะพยายามเชื่อมโยงกับต้นฉบับ แต่ก็ยังขาดความสดใหม่ในด้านแนวคิด
  • ตัวละครใหม่ขาดความลึก: แม้แดนี่และเกรซจะมีบทบาทสำคัญ แต่การพัฒนาตัวละครกลับไม่ลึกซึ้งพอที่จะสร้างความผูกพันกับผู้ชม

ความเชื่อมโยงกับ Terminator 1 และ 2

  • ใน Terminator (1984) ซาราห์ คอนเนอร์ถูก T-800 (Arnold Schwarzenegger) ไล่ล่าเพื่อป้องกันการกำเนิดของจอห์น คอนเนอร์ ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มต่อต้านในอนาคต
  • Terminator 2: Judgment Day (1991) เป็นเรื่องราวที่ซาราห์และจอห์นร่วมมือกับ T-800 รุ่นใหม่เพื่อหยุดยั้ง Skynet โดยในภาคนี้ T-800 ซึ่งได้รับการตั้งโปรแกรมใหม่โดยกลุ่มต่อต้านในอนาคต ถูกส่งมาเพื่อปกป้องจอห์นจาก T-1000 หุ่นยนต์สังหารรุ่นใหม่ที่สามารถแปลงร่างเป็นของเหลวและเลียนแบบมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ภาคนี้เน้นไปที่ความพยายามทำลาย Cyberdyne Systems ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของ Skynet และการเผชิญหน้าที่เข้มข้นระหว่าง T-800 และ T-1000 ฉากจบของภาค 2 เป็นจุดที่สร้างความหวังเมื่อพวกเขาทำลายชิ้นส่วนทั้งหมดของเทคโนโลยี Skynet รวมถึงหุ่น T-800 ด้วยความสมัครใจของมันเองเพื่อไม่ให้เหลือหลักฐานเกี่ยวกับ AI ทำให้อนาคตของวันโลกาวินาศดูเหมือนจะสิ้นสุดลง
  • อย่างไรก็ตาม Dark Fate เปิดเผยว่าแม้ Skynet จะถูกทำลาย แต่ AI ใหม่อย่าง Legion กลับถือกำเนิดขึ้นแทน เป็นการสะท้อนถึงความไม่อาจหลีกเลี่ยงของภัยจากเทคโนโลยี

อธิบายความสัมพันธ์ของเนื้อเรื่องในแฟรนไชส์ Terminator

  1. Terminator (1984): ซาราห์ คอนเนอร์ถูกไล่ล่าโดย T-800 เพื่อป้องกันการเกิดของจอห์น คอนเนอร์
  2. Terminator 2: Judgment Day (1991): ซาราห์และจอห์นพยายามหยุดยั้งการสร้าง Skynet โดยการทำลาย Cyberdyne Systems และชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แม้จะดูเหมือนอนาคตของวันโลกาวินาศถูกหลีกเลี่ยง แต่อนาคตที่เต็มไปด้วย AI ก็ยังเกิดขึ้นในรูปแบบอื่น
  3. Terminator 3: Rise of the Machines (2003): เปิดเผยว่าวันโลกาวินาศเกิดขึ้นอยู่ดี แม้จะถูกเลื่อนออกไป และจอห์น คอนเนอร์ต้องเตรียมตัวเป็นผู้นำ
  4. Terminator Salvation (2009): ดำเนินเรื่องในโลกอนาคตหลังวันโลกาวินาศ โดยจอห์น คอนเนอร์ต่อสู้กับ Skynet
  5. Terminator Genisys (2015): การรีบูตเส้นเรื่องใหม่ที่เปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในภาคแรก
  6. Terminator: Dark Fate (2019): กลับมาสู่เส้นเรื่องหลักจากภาค 1 และ 2 โดยละเลยเนื้อหาในภาค 3-5

สรุป: Terminator: Dark Fate เป็นความพยายามที่น่าสนใจในการฟื้นฟูแฟรนไชส์ ด้วยการผสมผสานระหว่างความคุ้นเคยจากการกลับมาของ Linda Hamilton และ Arnold Schwarzenegger กับความสดใหม่จากตัวละครรุ่นใหม่ แม้จะมีฉากแอคชั่นที่สนุกและการแสดงที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะจาก Hamilton ในบทซาราห์ คอนเนอร์ ที่สูงวัยขึ้นแต่ก็ยังคงความแข็งแกร่งไว้ แต่ภาพยนตร์ก็ยังไม่สามารถก้าวพ้นเงาของสองภาคแรกได้อย่างแท้จริง ทำให้บางครั้งรู้สึกเหมือนกำลังดูการรีเมคที่มีงบประมาณสูงขึ้นมากกว่าการต่อยอดเรื่องราวในรูปแบบใหม่เท่านั้นเอง

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Optimized by Optimole