Skip to content

[รีวิว] Late Night with the Devil : คืนนี้ผีมาคุย (2023) | การวิพากษ์ลัทธิซาตานหรือภาพสะท้อนวงการโทรทัศน์ในยุค 70s?

เวลาที่ใช้อ่าน : 2 นาที

Late Night with the Devil ชื่อไทย คืนนี้ผีมาคุย (2023) เป็นภาพยนตร์สยองขวัญแนว found footage ที่เล่าเรื่องราวของแจ็ค เดลรอย (Jack Delroy รับบทโดย David Dastmalchian) พิธีกรรายการทอล์กโชว์ในยุค 1970s ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อฟื้นฟูเรตติ้งของรายการในคืนพิเศษที่ตั้งใจจะเปลี่ยนทุกอย่าง แต่ค่ำคืนนั้นกลับกลายเป็นหายนะเมื่อเขาตัดสินใจเชิญแขกรับเชิญที่เกี่ยวข้องกับลัทธิซาตานและการอัญเชิญวิญญาณมาปรากฏตัวสดในรายการ ซึ่งเหตุการณ์ที่ตามมาคือความสยองขวัญที่ถ่ายทอดผ่านเลนส์ของกล้องทีวีในยุคที่เทคโนโลยียังเรียบง่ายแต่ทรงพลังในแง่ของการสร้างบรรยากาศหลอนและสมจริง

สปอยล์เนื้อหา: ความมืดมิดในค่ำคืนแห่งความวินาศ

เรื่องราวเริ่มต้นจาก “แจ็ค เดลรอย” ที่กำลังเผชิญกับปัญหาชีวิตส่วนตัวและการลดลงของเรตติ้งรายการ Night Owls. เพื่อกอบกู้สถานการณ์ เขาจึงจัด “คืนพิเศษ” เชิญแขกรับเชิญที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับลัทธิซาตาน รวมถึงคนที่ไม่เชื่อเรื่องนี้มาทดลองอัญเชิญวิญญาณและเด็กสาวที่เชื่อว่าถูกสิงโดยปีศาจ สิ่งที่เริ่มต้นอย่างตึงเครียดและน่าสงสัยกลับกลายเป็นความโกลาหลเมื่อมีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นจริงในรายการ การอัญเชิญปีศาจนำไปสู่การเสียชีวิตของทีมงานและแขกรับเชิญอย่างน่าสยดสยอง ในท้ายที่สุดแจ็คต้องเผชิญหน้ากับปีศาจที่เขาเชิญมาเอง และเรื่องราวจบลงด้วยภาพที่ทำให้ผู้ชมต้องตั้งคำถามว่าทั้งหมดนี้เป็นความจริงหรือเพียงการสร้างภาพเพื่อเรตติ้งกันแน่?

บูชาลัทธิซาตานหรือการแขวะวงการโทรทัศน์?

ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถถูกตีความได้สองแง่มุมหลักคือ

  • บูชาลัทธิซาตาน: เนื้อเรื่องชี้นำว่าแจ็คยอม “ขายวิญญาณ” จากลัทธิ The Glove (ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก Bohemian Grove ในเมือง Monte Rio รัฐ California) ในเชิงสัญลักษณ์เพื่อความสำเร็จและชื่อเสียงของแจ็ค การเชิญปีศาจเข้าสู่รายการสะท้อนถึงความโลภและความทะเยอทะยานที่ไม่รู้จบของมนุษย์ การอัญเชิญวิญญาณในรายการโทรทัศน์เป็นการเล่นกับอำนาจมืดและศีลธรรมที่ถูกละเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เทคโนโลยียังมีข้อจำกัด แต่มนุษย์กลับใช้มันเพื่อเข้าถึงสิ่งที่ไม่ควรเข้าถึง
  • การแขวะวงการโทรทัศน์ในยุค 70s: ในแง่นี้ ภาพยนตร์สะท้อนให้เห็นถึงการยอมทำทุกอย่างเพื่อเรตติ้งที่สูงขึ้นในยุคที่การแข่งขันในวงการโทรทัศน์ดุเดือดแจ็ค เป็นตัวแทนของพิธีกรที่ถูกกดดันจากความคาดหวังของผู้ชมและผู้สนับสนุนรายการ ซึ่งรายการในค่ำคืนนั้นกลายเป็นสัญลักษณ์ของการใช้ความตื่นเต้นและความหวาดกลัวของผู้ชมเพื่อผลประโยชน์เชิงพาณิชย์

การถ่ายทำ: การสร้างบรรยากาศที่น่าขนลุก

ภาพยนตร์เลือกใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบ found footage โดยเลียนแบบฟุตเทจจากกล้องโทรทัศน์ในยุค 70s อย่างสมจริง การใช้แสงเงาที่มืดมน โทนสีซีเปีย และความละเอียดต่ำของภาพช่วยเพิ่มความรู้สึกเก่าแก่และหลอนให้กับภาพยนตร์ นอกจากนี้ การถ่ายทำที่เน้นการใช้มุมกล้องแบบคงที่ (static shots) และการแพนกล้องช้าๆ ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังดูเหตุการณ์สดที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลย

บรรยากาศของรายการโทรทัศน์ยุค 70s: ความสำคัญและอิทธิพล

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่โตมากับสมาร์ทโฟนและสตรีมมิ่งทีวี อาจยากที่จะจินตนาการถึงความสำคัญของรายการโทรทัศน์ในยุค 70s ในเวลานั้น โทรทัศน์ถือเป็นศูนย์กลางของความบันเทิงและข้อมูลข่าวสาร ผู้คนมักรวมตัวกันหน้าจอทีวีเพื่อชมรายการสดที่ออกอากาศเพียงครั้งเดียว ไม่มีโอกาสย้อนดูเหมือนในปัจจุบัน รายการโทรทัศน์แบบทอล์กโชว์ในยุคนั้นมักเป็นที่นิยมเพราะให้ความบันเทิงที่ผสมผสานระหว่างการสัมภาษณ์ การแสดงสด และการเปิดเผยเรื่องราวลึกลับหรือไม่ธรรมดา การปรากฏตัวในรายการเหล่านี้สามารถสร้างหรือทำลายอาชีพของใครบางคนได้ และผู้ชมมักเชื่อในสิ่งที่เห็นบนหน้าจอโดยไม่ตั้งคำถาม ความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นในรายการสดจึงมีพลังดึงดูดและสร้างความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน

การแสดง: ความลึกของตัวละคร

David Dastmalchian ถ่ายทอดความซับซ้อนของแจ็คได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่ความกระวนกระวายใจไปจนถึงความสิ้นหวังในช่วงท้ายของเรื่อง ขณะที่นักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็ทำหน้าที่ได้ดีในการสร้างความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะนักแสดงที่รับบทเป็น “ลิลลี่” (แสดงโดย Ingrid Torelli) เด็กสาวที่เชื่อว่าถูกสิงโดยปีศาจ เธอสามารถถ่ายทอดความเจ็บปวดและความสับสนของตัวละครออกมาได้อย่างสมจริง ดวงตาที่แสดงถึงความหวาดกลัวและการเปลี่ยนผ่านจากมนุษย์ธรรมดาไปสู่สิ่งที่ดูเหมือนไม่ใช่มนุษย์สร้างความสะพรึงกลัวให้กับผู้ชมจนรู้สึกขนลุกทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว

ความสำเร็จ

แม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่ไม่ได้มีงบประมาณสูง Late Night with the Devil กลับได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากจากนักวิจารณ์และผู้ชมที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวนี้ ความสำเร็จของหนังมาจากการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ การสร้างบรรยากาศที่ชวนติดตาม และการแสดงที่ยอดเยี่ยมดั่งดูละครเวที นอกจากนี้ หนังยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ตีความเรื่องราวในมุมมองที่หลากหลาย ซึ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับเรื่องราวที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ความสยองขวัญธรรมดาๆ

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Optimized by Optimole