Skip to content

Seven Nation Army : The White Stripes | กองทัพเจ็ดชาติ กับเสียงก้องแห่งการต่อต้าน

เวลาที่ใช้อ่าน : 2 นาที

แจ็ค ไวท์ หัวเรือใหญ่ของวง The White Stripes ได้ลองเล่นทำนองเพลงที่เขาคิดว่าน่าจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต ชื่อเพลง “Seven Nation Army” ก็มาจากความเข้าใจผิดในวัยเด็กของเขาที่ได้ยินคำว่า “Salvation Army” แล้วเข้าใจผิด และเมื่อทั้งคู่ได้เปลี่ยนทำนองที่น่าหลงใหลนั้นให้กลายเป็นเพลงเต็มรูปแบบ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่ากำลังจะสร้างเพลงที่จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของสนามกีฬาทั่วโลก

เพลงนี้ถูกบันทึกในปี 2002 ที่สตูดิโอเล็กๆ ในลอนดอน เสียงกีตาร์แบบฟัซซี่ ที่ถูกปรับให้ต่ำลงหนึ่งช่วงเสียงเพื่อให้เหมือนเสียงเบสของแจ็ค เสียงกลองที่ตีอย่างหนักแน่นของเม็ก ไวท์ และพลังงานดิบๆ ที่แฝงไปด้วยความน่ากลัว ซึ่งทำให้เพลงนี้แตกต่างจากเพลงอื่นๆ ในยุคนั้น ในแง่ของเนื้อเพลง มันพูดถึงความหวาดระแวง ชื่อเสียง และความรู้สึกเหมือนถูกไล่ล่า—สิ่งที่แจ็คกำลังประสบเมื่อชื่อเสียงของ The White Stripes พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อเพลง “Seven Nation Army” ปล่อยออกมาในปี 2003

ในฐานะซิงเกิลแรกจากอัลบั้ม “Elephant” มันไม่ได้แค่ไต่ขึ้นชาร์ตเพลง—แต่มันมีชีวิตของมันเองด้วยอีกต่างหาก ริฟฟ์กีตาร์นั้นกลายเป็นเพลงร้องคลอที่ดังก้องไปทั่วโลก ทั้งในสนามฟุตบอล การชุมนุมทางการเมือง และแม้แต่การประท้วงต่างๆ

แฟนเพลงไม่ได้แค่ฟังเพลงนี้ พวกเขา “รู้สึก” อินกับมัน ร้องคลอตามแม้ในช่วงที่ไม่มีเนื้อร้อง ความสำเร็จจนคว้ารางวัลแกรมมี่ ตอกย้ำตำนานของวง The White Stripes และกลายเป็นหนึ่งในริฟฟ์ที่จดจำได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการร็อค

แม้ผ่านไปสองทศวรรษ จังหวะอันน่าหลงใหลและจิตวิญญาณแห่งการต่อต้านของเพลงนี้ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ พิสูจน์ให้เห็นว่าบางครั้ง สิ่งที่ต้องการเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ก็แค่ริฟฟ์กีตาร์ที่ดุดันและทัศนคติที่เต็มเปี่ยมเท่านั้นเอง

ความหมายของเพลง

เมื่อพิจารณาอย่างลึกซึ้ง เพลง “Seven Nation Army” คือเพลงที่พูดถึงความโดดเดี่ยว ความหวาดระแวง และการต่อต้านเมื่อถูกจับตามอง แจ็ค ไวท์ เขียนเนื้อเพลงนี้เพื่อสะท้อนความคับข้องใจที่เพิ่มขึ้นจากชื่อเสียงและความรู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ผู้คนก็จับตามองและพูดถึงเขา

ท่อนเนื้อร้องอย่าง “ฉันจะสู้พวกมันไป กองทัพเจ็ดชาติก็หยุดฉันไม่ได้” สื่อถึงความรู้สึกต่อต้านพลังที่มองไม่เห็น—ไม่ว่าจะเป็นสื่อ นักวิจารณ์ หรือปีศาจภายในใจ จังหวะดำมืดแบบเดินขบวนของเพลงยิ่งเสริมแนวคิดนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเพลงประจำใจของทุกคนที่ยืนหยัดต่อสู้กับความยากลำบาก

เมื่อเวลาผ่านไป ความหมายของมันได้ขยายเกินกว่าประสบการณ์ส่วนตัวของแจ็ค กลายเป็นเสียงตะโกนแห่งความอดทนที่เป็นสากล ไม่ว่าจะในวงการกีฬา การเมือง หรือการต่อสู้ส่วนตัวของแต่ละคน

แปลเพลง Seven Nation Army

I’m gonna fight ’em all | ฉันจะลุกขึ้นสู้กับพวกมัน
A seven nation army couldn’t hold me back | แม้กองทัพเจ็ดชาติจะมาขวาง ก็ไม่มีวันหยุดฉันได้

They’re gonna rip it off | พวกเขากำลังจะฉีกฉันเป็นชิ้น ๆ
Taking their time right behind my back | พวกเขาจับตาดูฉันอยู่เงียบ ๆ ข้างหลัง

And I’m talking to myself at night | และฉันได้แต่พูดกับตัวเองในค่ำคืน
Because I can’t forget | เพราะฉันไม่อาจลืมมันได้

Back and forth through my mind | ความคิดวนเวียนไปมาในหัว
Behind a cigarette | ซ่อนอยู่หลังก้นบุหรี่ที่มอดไหม้

And the message coming from my eyes | และข้อความที่สื่อออกมาจากดวงตาของฉัน
Says leave it alone | บอกว่า “ช่างมันเถอะ”

Don’t wanna hear about it | ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องนี้อีกแล้ว
Every single one’s got a story to tell | ทุกคนล้วนมีเรื่องราวให้พูดถึง

Everyone knows about it | และทุกคนก็รู้เรื่องของฉัน
From the Queen of England to the hounds of hell | ตั้งแต่ราชินีแห่งอังกฤษไปจนถึงหมาในขุมนรก

And if I catch it coming back my way | และถ้าฉันต้องเผชิญกับมันอีก
I’m gonna serve it to you | ฉันจะตอบกลับไปให้สาสม

And that ain’t what you want to hear | และนั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกนายอยากได้ยิน
But that’s what I’ll do | แต่ฉันจะทำอย่างนั้น

And the feeling coming from my bones | และความรู้สึกที่พุ่งออกมาจากข้างใน
Says find a home | บอกให้ฉันไปหาที่พักใจ

I’m going to Wichita | ฉันจะเดินทางไปยังวิชิตา
Far from this opera forevermore | หนีจากละครชีวิตนี้ตลอดกาล

I’m gonna work the straw | ฉันจะใช้แรงทำงานหนัก
Make the sweat drip out of every pore | ให้เหงื่อไหลออกจากทุกอณูร่างกาย

And I’m bleeding, and I’m bleeding, and I’m bleeding | ฉันกำลังบาดเจ็บ เลือดไหลออกมา
Right before the Lord | ต่อหน้าพระเจ้า

All the words are gonna bleed from me | ทุกถ้อยคำจะไหลออกมาจากฉัน
And I will sing no more | และฉันจะไม่ร้องเพลงนี้อีกต่อไป

And the stains coming from my blood | และรอยเปื้อนที่เกิดจากเลือดของฉัน
Tell me go back home | กำลังบอกให้ฉันกลับบ้าน

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Optimized by Optimole