แนวภาพยนตร์ปฏิบัติการทางทหารมักเฟื่องฟูด้วยความชาตินิยมที่เกินจริงและความเป็นชายที่เกินเลย มักนำเสนอวีรกรรมอันเกินจริงและเรื่องราวสงครามที่ถูกทำให้ดูสวยงาม อย่างไรก็ตาม เป็นครั้งคราวที่มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งปรากฏขึ้นซึ่งกล้าถอดหน้ากากความเสแสร้งออกไป แล้วนำเสนอความเข้มข้นแบบสมจริงจากมุมมองของทหารในสนามรบ “Counterstrike/Counterattack” ชื่อไทย “ฝ่านรกกองโจร” (หรือ “Contraataque” ในชื่อภาษาสเปนต้นฉบับ) คือหนึ่งในภาพยนตร์เช่นนั้น—เป็นหนังระทึกขวัญแนวเอาชีวิตรอดที่เร้าใจ ซึ่งนำกลุ่มทหารมือพระกาฬไปเผชิญกับป่าเถื่อนอันโหดร้าย โดยมีศัตรูที่ไร้ความปรานีไล่ล่าพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
เนื้อเรื่องแบบคลาสสิค “ภารกิจของกลุ่มชายชาตรี”
กำกับโดย ชาวา การ์ตัส และเขียนบทโดย โฮเซ่ รูเบน เอสกาลันเต เมนเดซ “Counterstrike” เริ่มเรื่องด้วยโครงเรื่องที่เรียบง่ายแต่น่าติดตาม เรื่องราวติดตามกัปตันเกร์เรโรและทีมชั้นยอดของเขา—ตันเก, โปโย, โตโร และคอมโบ—สมาชิกของหน่วยรบพิเศษเม็กซิโก หรือที่รู้จักในนาม “เมอร์เซียลาโกส” (ค้างคาว) การลาดตระเวนตามปกติของพวกเขากลายเป็นการต่อสู้ที่ซ่อนความสิ้นหวังเพื่อเอาชีวิตรอด หลังจากที่พวกเขาปะทะกับกลุ่มค้ายาสุดโหด “เอล เอนฮัมเบร” ที่นำโดยโฮเซโฟ อูเรียส ผู้น่าเกรงขามและโรมัน น้องชายผู้แค้นเคือง แก๊งค์คาร์เทลที่เติบโตด้วยความรุนแรงและการข่มขู่ กระหายเลือด และด้วยความช่วยเหลือจากนักการเมืองทุจริต รัฐมนตรีอาร์วิซู ทำให้พวกนี้ยิ่งได้เปรียบ และสิ่งที่ตามมาคือเกมไล่ล่าอันตึงเครียดผ่านป่าอันตรายของเม็กซิโก ขณะที่เกร์เรโรและลูกน้องพยายามเอาตัวรอดให้ห่างจากผู้ไล่ล่าที่ไม่ยอมลดละ
การย้อนกลับสู่หนังแอคชั่นแบบดั้งเดิม
หากคุณเป็นแฟนของภาพยนตร์แนวทหารเอาตัวรอดอย่าง “Triple Frontier”, “Da 5 Bloods” และแม้แต่ “Predator”, “Counterstrike” ก็เข้ากับกลุ่มนี้ได้อย่างลงตัว มันย้อนกลับไปสู่หนังแอคชั่นยุค 80s และ 90s ที่ฝ่ายดีเป็นคนดีอย่างไม่ต้องสงสัย ฝ่ายร้ายเป็นคนชั่วอย่างชัดเจน และเดิมพันคือเรื่องของชีวิตและความตาย แม้ว่าการเล่าเรื่องจะไม่ซับซ้อน แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าติดตามมาก ไม่มีการพลิกโครงเรื่องที่ซับซ้อนหรือความขัดแย้งทางศีลธรรมที่ดูฝืนๆ—มีเพียงการต่อสู้อันเข้มข้นที่เดิมพันสูง ซึ่งทุกนัดกระสุนที่ยิงออกไปและทุกการตัดสินใจล้วนมีน้ำหนัก
ความสมจริงในฉากแอคชั่น
สิ่งที่ “Counterstrike” ขาดในเรื่องของการพัฒนาโครงเรื่องที่ซับซ้อน มันได้ชดเชยด้วยความดิบเถื่อนอย่างแท้จริง ต่างจากภาพยนตร์แอคชั่นสมัยใหม่ที่พึ่งพา CGI และฉากที่สร้างในสตูดิโอเป็นอย่างมาก ภาพยนตร์เรื่องนี้เน้นเทคนิคพิเศษแบบจริงและสถานที่ถ่ายทำจริง ถ่ายทำในพื้นที่ทุรกันดารรอบนอกเม็กซิโกซิตี้ การถ่ายภาพของหนังเรื่องนี้จับภาพความดิบของภูมิประเทศได้อย่างดี—ป่าทึบ เส้นทางหิน และหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยฝุ่น ซึ่งเพิ่มบรรยากาศอันกดดัน งานสตั้นท์และการออกแบบท่าต่อสู้สมควรได้รับการกล่าวถึงเป็นพิเศษ ด้วยฉากแอคชั่นที่โหดร้าย กระดูกแตกกร้าว ที่ให้ความรู้สึกฉับพลันและสมจริง และแน่นอนเราจะไม่ได้พบเห็นฟิลเตอร์ย้อมเหลือง ดั่งที่มองผ่านเลนส์ของหนังฮอลลีวูด 😆
นักแสดงที่ทุ่มเททั้งทีม
แทนที่จะมีพระเอกคนเดียวที่ครองความสนใจทั้งหมด แต่เรื่องนี้ประสบความสำเร็จด้วยเคมีของการแสดงเป็นหมู่คณะ หลุยส์ อัลเบอร์ติ นำทีมในบทกัปตันเกร์เรโรผู้ไม่ย่อท้อ และเขาได้รับการสนับสนุนจากนักแสดงที่แข็งแกร่งรวมถึง เลโอนาร์โด อลอนโซ, หลุยส์ คูเรียล, กิลเลอร์โม นาวา และ ดาวิด คาลเดรอน ความสนิทสนมของพวกเขาดูจริงใจ และการแสดงของพวกเขานำความเป็นจริงมาสู่ความเป็นพี่น้องร่วมรบ ในขณะเดียวกัน โนเอ เฮอร์นันเดซ และ อิสราเอล อิสลาส แสดงเป็นตัวร้ายได้อย่างน่าขนลุกและมีประสิทธิภาพ แผ่รังสีอำมหิตในทุกฉาก แม้จะมีเวลาปรากฏตัวบนจอที่จำกัด มัยรา บาตายา และ ฟริดา จิเซอร์ ก็สร้างผลกระทบได้ ทำให้มั่นใจว่าภาพยนตร์ไม่ได้กลายเป็นเพียงการแสดงที่เต็มไปด้วยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนโดยปราศจากเนื้อหาสาระ
การเดินเรื่องที่ตรงไปตรงมาแต่น่าพึงพอใจ
ด้วยความยาว 1 ชั่วโมง 24 นาที “Counterstrike” ไม่เสียเวลาไปกับการอธิบายที่ไม่จำเป็นหรือเรื่องราวรอง มันรักษาจังหวะให้กระชับ พาผู้ชมไปจากฉากเข้มข้นหนึ่งสู่อีกฉากหนึ่ง แม้ว่าบทจะไม่ได้ลงลึกถึงความซับซ้อนของตัวละคร แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น—นี่คือแอคชั่นบริสุทธิ์ไม่มีการกรอง ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ชมลุ้นไปกับมัน
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่คาดหวังเรื่องราวที่มีหลายชั้นหรือความคลุมเครือทางศีลธรรมอาจพบว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ตรงไปตรงมาเกินไป แต่สำหรับผู้ที่หิวกระหายหนังระทึกขวัญแนวเอาชีวิตรอดแบบดั่งเดิมที่เร้าใจสุดขีด “Counterstrike” มอบสิ่งนั้นไว้อย่างครบถ้วน มันเป็นการเดินทางที่ดิบและไม่หยุดยั้ง ที่ยอมรับรากเหง้าของแอคชั่นโดยไม่ลังเล
สรุปส่งท้าย
Counterstrike (ฝ่านรกกองโจร) ไม่ได้ประดิษฐ์อะไรใหม่ และก็ไม่ได้พยายามจะทำเช่นนั้น มันเป็นภาพยนตร์ที่รู้ดีว่ามันคืออะไร—หนังระทึกขวัญแอคชั่นพลังงานสูงที่ไม่ต้องขอโทษใคร ซึ่งนำทหารชั้นพระกาฬมาเผชิญหน้ากับคาร์เทลที่โหดเหี้ยมในการต่อสู้อันโหดร้ายเพื่อเอาชีวิตรอด ด้วยฉากแอคชั่นที่น่าติดตาม การแสดงที่ทุ่มเท และการขาดการใช้ CGI มากเกินไปอย่างชื่นชอบ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับตำแหน่งของมันในหมู่หนังแอคชั่นที่ดีที่สุดในแนว “กองกำลังทหารปะทะแก๊งค์ค้ายาป่าเถื่อน”
หากคุณกำลังอยากดูหนังระทึกขวัญแนวทหารเอาชีวิตรอดที่ไม่อ้อมค้อมและหัวใจเต้นแรง “Counterstrike” เป็นเรื่องที่คู่ควรกับการรับชมอย่างแน่นอน แม้ในช่วงท้ายแอบจะรู้สึกดรอปความเข้มข้นและความไร้เหตุผลของการสูญเสียสหายร่วมรบไปบ้างก็ตาม แต่นั่นในภาพรวมแล้วก็ยังคงให้หนังออกมาดูดีอยู่

อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่มีผู้ช่วยเขียนเป็น A.I. หากเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ