Skip to content

[รีวิว] The Electric State : ท่องแดนจักรกล (2025) | ผจญภัยในโลกหลังยุควิกฤติเทคโนโลยี

เวลาที่ใช้อ่าน : 2 นาที

เรื่องย่อ

“The Electric State” ดัดแปลงจากนิยายกราฟิกของ Simon Stålenhag เล่าเรื่องราวในจินตนาการปี 1997 หลังวิกฤติเทคโนโลยี โลกที่มนุษย์แยกตัวอยู่ในหมวก VR และมีการต่อสู้กับโดรนประหลาด พาเราติดตาม”มิเชลล์”เด็กสาววัยรุ่นและหุ่นยนต์คู่หูที่ออกเดินทางไปตามชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาเพื่อตามหาน้องชายที่หายตัวไป

จุดเด่นของภาพยนตร์

ภาพและเทคนิคพิเศษที่น่าทึ่ง: ด้วยงบประมาณมหาศาล ภาพยนตร์สร้างโลกที่มีเอกลักษณ์ด้วย CGI คุณภาพสูงที่ผสมผสานเข้ากับฉากได้อย่างกลมกลืน การออกแบบหุ่นยนต์หลากหลายรูปแบบสร้างความแตกต่างและน่าสนใจ และเมื่อรวมการแสดงของ Chris Pratt แล้ว หลายคนชื่นชมการแสดงของเขาว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของเขา มีความตลกขบขันแบบถ่อมตัวและมีเสน่ห์เฉพาะตัว สร้างเคมีที่น่าสนใจเมื่อจับคู่กับตัวละครของ Millie Bobby Brown

ซึ่งพาดื่มด่ำกับบรรยากาศยุค 90s ที่สร้างความรู้สึกโหยหาอดีตผ่านเพลงประกอบและการอ้างอิงวัฒนธรรมป๊อปในยุคนั้น ทำให้เกิดความรู้สึกคุ้นเคยสำหรับผู้ชมที่เติบโตในยุคนั้น รวมถึงการที่เป็นภาพยนตร์ไม่ได้พยายามเป็นหนังที่ลึกซึ้งหรือเปลี่ยนโลก แต่เป็นหนังผจญภัยที่สนุกและให้ความบันเทิง เหมาะสำหรับการพักผ่อนสมองและหลีกหนีจากความเครียดได้เป็นอย่างดีเรื่องนึงเลย

แต่ด้วยความที่เรามักจะพบในภาพยนตร์ยุค 90s Blockbuster หลายๆ เรื่องมีความสนุกแต่ก็ขาดโครงเรื่องที่ขาดความลึกซึ้ง แม้จะเริ่มต้นด้วยแนวคิดที่น่าสนใจ แต่เรื่องราวกลับพัฒนาไปอย่างเรียบง่ายเกินไป ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากโลกที่สร้างขึ้นอย่างเต็มที่เท่าไหร่นัก

นั่นเลยทำให้รู้สึกความสับสนในกลุ่มเป้าหมายของเรื่องนี้อยู่หน่อยๆ ที่ดูเหมือนลังเลระหว่างการเป็นหนังสำหรับวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ ทำให้โทนของเรื่องดูไม่คงที่ บางครั้งดูเป็นหนังสำหรับเด็กเกินไป เรื่องราวที่ซับซ้อนและโลกที่กว้างใหญ่ไม่สามารถถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง คิดว่าถ้าทำเป็นซีรีส์จำกัดตอนจะเหมาะสมกว่าและลุ่มลึกกว่านี้แน่นอน นั่นเลยทำให้มีปัญหาเรื่องการพัฒนาตัวละครไม่เพียงพอ ด้วยการที่มีนักแสดงที่มากความสามารถ แต่ตัวละครหลายตัวไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ทำให้เรารู้สึกว่าศักยภาพของพวกเขาถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า

สรุปส่งท้าย

The Electric State : ท่องแดนจักรกล เป็นภาพยนตร์ที่มีแนวคิดและโลกที่น่าสนใจ แต่การดำเนินเรื่องและการพัฒนาตัวละครยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้มันเป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม ด้วยภาพที่สวยงาม การแสดงที่สนุก และเรื่องราวที่ชวนติดตาม ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการพักผ่อนในคืนวันหยุดหรือเด็กๆ ดูในช่วงปิดเทอมนี้พอดี

หากคุณไม่ได้คาดหวังภาพยนตร์ที่จะเปลี่ยนโลกหรือสร้างประวัติศาสตร์ แต่เพียงต้องการผจญภัยในโลกแห่งวิทยาศาสตร์ที่สนุก เรื่องนี้ก็พร้อมที่จะพาคุณหลบหนีจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันสักสองชั่วโมง

เกร็ดน่ารู้จาก IMDB

  • สถานที่ถ่ายทำที่มีประวัติศาสตร์: ห้างสรรพสินค้าที่ใช้เป็นที่พักพิงปลอดภัยของหุ่นยนต์คือ North DeKalb Mall ในเมือง North Decatur รัฐจอร์เจีย ซึ่งเปิดในปี 1965 และปิดในปี 2020 ก่อนถูกรื้อถอนกลางปี 2024 ห้างนี้เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ Loki, Cobra Kai, ไตรภาค Fear Street และภาพยนตร์อย่าง Civil War, The Mule และ Zombieland: Double Tap
  • การเปลี่ยนแปลงนักแสดง: Michelle Yeoh ได้รับบทหนึ่งในภาพยนตร์นี้ในตอนแรก แต่ต้องถอนตัวเนื่องจากปัญหาตารางงาน บทบาทจึงถูกปรับและ Ke Huy Quan เพื่อนร่วมงานเก่าของเธอได้เข้ามารับบทแทน
  • การอ้างอิงภาพยนตร์ดัง: เมื่อใดก็ตามที่มีการแสดงหน้าจอ HUD ของโดรน เสียงที่ใช้เป็นเสียงเดียวกับ HUD ของ Terminator จากแฟรนไชส์ Terminator
  • อีสเตอร์เอ้กในร้านอาหาร: เมื่อ Keats เข้าไปในร้าน “Greaser’s Diner” เพื่อสั่งอาหาร บนกระดานเมนูพิเศษแนะนำให้ลูกค้า “Have a byte of Pi” ในราคา $3.14159265359 ซึ่งเป็นการเล่นคำระหว่างคำศัพท์คอมพิวเตอร์ “byte” กับคำว่า “bite” และค่าพาย (π)
  • ประวัติการพัฒนาโครงการ: พี่น้อง Russo ได้ซื้อลิขสิทธิ์นิยายกราฟิกของ Simon Stålenhag ตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งเป็นปีก่อนการตีพิมพ์ และ Andy Muschietti ได้รับเลือกให้เป็นผู้กำกับ Universal ชนะการประมูลลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายในปี 2020 หลังจาก “การแข่งขันประมูลที่ดุเดือด” และ Muschietti ต้องถอนตัวเนื่องจากมีงานกำกับ The Flash (2023) Netflix จึงรับช่วงต่อในปี 2022 และเริ่มถ่ายทำในปีเดียวกัน
  • การอ้างอิงซีรีส์ Arrested Development: ในฉากการต่อสู้ของหุ่นยนต์ช่วงท้ายเรื่อง มีป้ายโฆษณาของ Barry Zuckerkorn ทนายความ ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงตัวละครของ Henry Winkler ในซีรีส์ Arrested Development ที่พี่น้อง Russo เคยทำงานด้วยในช่วงซีซั่นแรกๆ ป้ายระบุว่า “Barry Zuckerkorn Attorney at Law. He’s very good.” ซึ่งเป็นประโยคที่คุ้นเคยสำหรับแฟนๆ ของซีรีส์เรื่องนี้

กำกับโดย: Anthony Russo และ Joe Russo
นักแสดงนำ: Millie Bobby Brown (รับบท Michelle), Chris Pratt (รับบท Keats)
เผยแพร่: Netflix (2025)
งบประมาณการสร้าง: 300+ ล้านดอลลาร์

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Optimized by Optimole