Skip to content

[รีวิว] Havoc : ฝ่าหายนะครองเมือง (2025) | ก้าวหน้าด้วยแอ็คชั่น ถอยหลังด้วยเนื้อเรื่อง

เวลาที่ใช้อ่าน : 2 นาที

เมื่อได้ยินชื่อ Gareth Evans ผู้กำกับหนังแอ็คชั่นเดือด “The Raid” ที่สร้างชื่อเสียงระดับโลก พร้อมด้วยทอม ฮาร์ดี้ นักแสดงฝีมือเยี่ยม ใครๆ ก็ย่อมคาดหวังว่าจะได้ชมหนังแอ็คชั่นระดับมาสเตอร์พีซ แต่ “Havoc หรือชื่อไทย ฝ่าหายนะครองเมือง” กลับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่พิสูจน์ว่า ส่วนผสมที่ดูเหมือนจะลงตัวไม่ได้การันตีผลงานที่ยอดเยี่ยมเสมอไป

ภาพที่มองเห็น แต่ไม่น่าจดจำ

เริ่มต้นด้วยจุดที่สะดุดตาของงานภาพของหนังเรื่องนี้ช่างน่าผิดหวัง! คือเหมือนจะดูดีเหมือนจะดูอาร์ทด้วย CGI ผสมความนัวร์ที่ภาพทั้งเรื่องจะเป็นโทนมืดๆ การเลือกใช้ฟิลเตอร์แบบเกรนเพื่อสร้างบรรยากาศ “สมจริง” กลับให้ความรู้สึกเหมือนรูปถ่ายในอินสตาแกรมที่ใช้ฟิลเตอร์อย่างไม่ลืมหูลืมตา ยิ่งไปกว่านั้น CGI และภาพที่สร้างด้วย AI ช่างดูไร้น้ำหนักอย่างน่าใจหาย ฉากรถไล่ล่าในช่วงต้นเรื่องที่ควรจะทำให้เราตื่นตาตื่นใจกว่านี้ แต่กลับกันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูฉากคัทซีนในเกมยุค 2000s ตัวละครเคลื่อนไหวอย่างไร้แรงโน้มถ่วง ระเบิดดูเหมือนแค่ภาพ GIF ที่วางซ้อนลงไป(อันนี้ขอเว่อร์หน่อยๆ 555) แต่นั่นแหละมันไม่ได้ทำให้น่าจดจำเท่าไหร่ หากเทียบกับงานภาพของ Sin City (2005)

เนื้อเรื่อง… มีก็เหมือนไม่มี

“หลังจากดีลยาเสพติดล่ม นักสืบตัวเอกที่ตกที่นั่งลำบาก ต้องต่อสู้ฝ่าโลกอาชญากรรมเพื่อช่วยลูกชายของนักการเมืองที่หายตัวไป พร้อมเปิดโปงการคอร์รัปชั่นที่ครอบคลุมทั้งเมือง” — พล็อตที่ฟังดูน่าสนใจ แต่การดำเนินเรื่องกลับน่าเบื่อและคาดเดาได้ง่าย

อ่านจากหลายคนรีวิวบอกว่ารู้สึกเหมือนกำลังดูบทที่เขียนโดย AI ที่ไม่มีใครตรวจทานก่อนถ่ายทำ เต็มไปด้วยความคลิเช่(เชยๆ)และการเล่าเรื่องที่ไม่มีอะไรใหม่ คนดูจะเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปตั้งแต่ต้นเรื่อง และที่แย่ที่สุดคือ แทบไม่รู้สึกอะไรเลยกับตัวละครหลัก จะมีใครบาดเจ็บ ถูกยิง ถูกลักพาตัว หรือตาย ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจเต้นแรงหรือรู้สึกเสียใจแต่อย่างใด ตัวประกอบเหมือน npc ในเกมยังไงยังงั้น

แสงสว่างในความมืด: ฉากต่อสู้

แต่ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่เรื่องนี้ยังพอทำออกมาได้ดีนั่นคือฉากต่อสู้ด้วยมือเปล่า เมื่อถึงจุดนี้ช่วงฉากในผับ หนังเหมือนตื่นจากภวังค์และกลายเป็นหนังแอ็คชั่นที่ทำให้เรารู้สึกโอเคกับมันขึ้นได้บ้าง การออกแบบท่าทางการต่อสู้นั้นเข้าขั้นดีใช้ได้ ไม่มีภาพสั่นไหวหรือการตัดฉากรวดเร็วเกินไป ทุกการโจมตีดูหนักแน่นและรุนแรง แม้จะเกินจริงไปบ้าง (เรื่องนี้ใช้กระสุนเปลืองมาก เกือบ 20 นัดถึงจะฆ่าใครได้ในเรื่อง)

ทอม ฮาร์ดี้ แสดงได้ดีตามมาตรฐาน และฉากต่อสู้ของเขาก็น่าประทับใจ (อย่าลืมว่าเขาเป็นนักสู้ MMA ในชีวิตจริง) และการมี Timothy Olyphant ร่วมแสดงก็เป็นการเพิ่มมิติให้กับเรื่องได้ดี

สรุป: ดูแล้วลืม?

“Havoc : ฝ่าหายนะครองเมือง” เป็นหนังที่ทำให้รู้สึกเสียดาย ไม่ได้เสียดายเวลาที่ดูมากหนัก แต่เสียดายเพราะมีองค์ประกอบที่น่าจะทำให้เป็นหนังดี แต่กลับพลาดไปที่การเล่าเรื่องและการนำเสนอภาพ หากคุณเป็นแฟนตัวยงของหนังแอ็คชั่นและสามารถปิดสมองได้ คุณอาจจะสนุกกับฉากต่อสู้ที่โหดเดือด แต่ถ้าคุณหวังว่าจะได้ดูหนังที่มีความลึกซึ้งหรือทำให้คุณจดจำไปอีกนาน คุณคงจะผิดหวังแน่ๆ

เหมือนกับความเห็นของหลายๆ คนที่อ่านรีวิวมา มันไม่ได้แย่จนดูไม่ได้ แต่มันคือหนังอีกเรื่องที่คุณอาจจะเปิดให้เล่นพร้อมไถโทรศัพท์หรือทำอย่างอื่นไปด้วย และก็ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนไม่สามารถดูจนจบได้ และบางคนถึงกับอยู่ไม่ถึงครึ่งเรื่องด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นแฟนของทอม ฮาร์ดี้ หรือชื่นชอบความรุนแรงแบบเว่อร์ๆ คุณอาจจะค้นพบความสนุกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในความวุ่นวายนี้ แต่อย่าหวังว่ามันจะเป็นอีกหนึ่ง “The Raid” เพราะคุณจะต้องผิดหวังอย่างแน่นอน

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *


Optimized by Optimole