That ‘90s Show เป็นซิทคอมที่เป็นภาคแยก (Spin-Off) หรือภาคต่อเนื่องจากซิทคอมที่ประสบความสำเร็จในอดีต That ‘70s Show ได้ฤกษ์มาฉายตอนแรกบน Neflix เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2023 ที่ผ่านมา
ย้อนกลับไปที่ That ‘70s Show เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1998 จนถึงตอนสุดท้ายในปี 2006 รวมแล้ว 200 ตอนใน 8 ซีซั่น เป็นซีรีส์ที่เล่าถึงกลุ่มเพื่อนที่อาศัยอยู่ในเมือง Point Place รัฐ Wisconsin ในช่วงทศวรรษ 1970 (เมือง Point Place ไม่มีจริงนะครับ) ตัวละครหลักได้แก่ Eric Forman และพ่อแม่ของเขา Red กับ Kitty ผองเพื่อนของ Eric อย่าง Hyde, Kelso, Fez, Jackie และ Donna เนื้อเรื่องที่เต็มไปด้วยมุขตลกที่ถูกจังหวะถูกเวลา ตัวละครก็มีพัฒนาการและรู้สึกเข้าถึงได้ ทำให้ผู้ชมอาจรู้สึกอินได้ว่าเรานั้นเป็นดั่งตัวละครตัวใดตัวนึง การเล่าถึงการก้าวผ่านวัย(coming of age) ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของตัวละครและการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในช่วงปี 1970 ของอเมริกา ถ่ายทอดออกมาให้รู้สึกย้อนวันวานและรู้สึกดีกับซิทคอมนี้จริงๆ
เรื่องในช่วงตอนสุดท้ายของซีซั่น 8 ใน That ‘70s Show
ในคืนวันส่งท้ายปี 1979 วันสุดท้ายของยุค 70s ทุกคนหวนนึกถึงช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ไฮด์ช่วยคิตตี้และเร้ดเก็บของที่สองคนยังลังเลที่ตัดสินใจย้ายบ้านฟลอริด้าแต่สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจไม่ย้าย เฟซยังรอจูบแรกกับแจ็กกี้ และขณะที่กำลังปาร์ตี้อยู่นั้น ดอนน่าเดินออกไปเพื่อไปสูดอากาศ แล้วก็พบกับเอริคที่กลับมาทันเวลาส่งท้ายปีเก่าพอดี เอริคขอโทษดอนน่าเรื่องที่ทำให้งอนในอดีตและทั้งคู่ก็จูบและคืนดีกัน จากนั้นเอริคก็เข้าไปจอยกับกลุ่มเพื่อนๆที่ไม่ได้พบกันนาน เมื่อนาทีสุดท้ายของทศวรรษมาถึง ดอนน่าและแจ็กกี้บอกให้พวกผู้ชายขึ้นไปชั้นบนเพื่อฉลองปีใหม่ เมื่อสิ้นสุดยุค 70s จบลงด้วยภาพสุดท้ายของห้องใต้ดินบ้านเอริคที่เปรียบเสมือนความทรงจำอันยาวนาน มีเสียงเคาท์ดาวน์ของทุกคนที่อยู่ชั้นบนเป็นแบ็คกราวน์ ในช่วงที่นับไปถึง “หนึ่ง” ภาพตัดไปที่ป้ายทะเบียนรถ Vista Cruiser โดยเปลี่ยนจากเลข ’79 แปะตัวเลข ’80 ไปแทน และเครดิตตอนจบที่เหมือนกับซีซั่นแรกของแก๊งที่ร้องเพลง “Hello It’s Me” ของ Todd Rundgren
เสียดายมากที่ Netflix ถอด That ’70s Show ออกไป ทำให้รำลึกถึงช่วงท้ายๆ ของซิทคอม ยากจริงๆ แต่จำความรู้สึกได้ว่าพอจบแล้วรู้สึกโหวงๆ ขาดหายไปเหมือนกัน และรู้สึกเซอร์ไพรซ์หน่อยๆ ที่เอริค(Topher Grace)หายไปเลยตลอดซีซั่น 8 กลับมาในตอนสุดท้ายพอดี Topher เป็นนักแสดงหลักของซิทคอมนี้ แต่เมื่อต้องการเวลาไปแสดงภาพยนตร์มากกว่า ทำให้ทางทีมงานต้องปรับเนื้อเรื่องให้เอริคไปแอฟริกาแทน
การถ่ายทอด DNA จากรุ่น ‘70s มาสู่ ‘90s
หลังจากที่เอริคและดอนน่ากลับมาสานสัมพันธ์ อีก 15 ปีให้หลังในช่วงกลางยุค 90s ทั้งคู่ก็มีลูกสาวด้วยกันชื่อว่าเลอา (Leia) ตั้งชื่อตามเจ้าหญิงเลอาในสตาร์วอส์ที่ผู้พ่อเป็นแฟนพันธ์แท้นั่นล่ะครับ แต่ในเรื่องก็ไม่ได้อาศัยอยู่เมือง Point Place แล้ว แต่เนื้อเรื่องก็มาเริ่มต้นเอาที่ช่วงลูกสาวปิดเทอมและมาเยี่ยมปู่กับย่าในระยะสั้นๆ และลูกสาวอยากอยู่เมืองนี้ต่อให้จบจนปิดเทอมเลย เพราะลูกสาวเคยได้ฟังจากพ่อและแม่ว่าเมืองนี้ในช่วงวัยรุ่นนั้น ว่าเมืองนี้ทำให้ชีวิตวัยรุ่นนั้นเจ๋งมากๆ ลูกสาวก็เลยอยากลองใช้ชีวิตที่นี่กับปู่และย่า ส่วนพ่อและแม่นั้นก็ต้องกลับไปทำงานที่ชิคาโก เป็นการส่งมอบ DNA แบบแนบเนียนในฐานะนักแสดงรับเชิญได้ดีเลย
ตอนที่เขียนนี้แม้จะได้ดูแค่ EP แรกตอนเดียว แต่ก็รู้สึกถึงเลยได้ว่าแม้ผ่านซีซั่นสุดท้ายของ That ‘70s Show มาเกือบ 17 ปี หรือจะนับให้นานกว่านั้นก็ 25 ปีนับตั้งแต่ซีซั่นแรกนั้น จะเห็นได้ชัดว่าใน That ‘90s Show จะเดินตามสูตรความสำเร็จของ That ‘70s Show แทบจะทุกแพทเทิร์นเลยทีเดียว รวมถึงการถ่ายทอด พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดระหว่างเอริคและพ่อ(Red)นั้น เราจะเห็นความเป็นไม้เบื่อไม้เมามาตลอด แต่เมื่อวันที่เอริคมีลูกสาวเลอา (Leia) นั้นทำให้เราได้เห็นมุขตลกจากเรดได้กลับมาเยาะเย้ยเอริค ที่เหมือนเรดได้เห็นตัวเองกับลูกชายอีกครั้งเหมือนในอดีต
ส่วนกลุ่มเพื่อนในเรื่องใหม่ ที่เปลี่ยนถ่ายจากรุ่นพ่อมาสู่รุ่นลูกในยุค ‘90s เราจะได้เห็นการเล่าเรื่องจากยุคใหม่ในปี 2023 ของสไตล์ NETFLIX ที่มองกลับไปเกือบๆ 28 ปีย้อนหลัง แต่ความที่เป็น NETFLIX จะใส่ความหลากหลายของเชื้อชาติและเพศเข้าไปในตัวละคร ดังนั้นในกลุ่มของเพื่อนๆ เลอา เราจะได้เห็นความหลากหลายเข้ามาเป็นกลุ่มตัวละครหลัก ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างจะดูแตกต่างจากเรื่องหลักอย่างเห็นได้ชัด
การยัดความหลากหลายมานั้น เท่าที่ดูใน EP แรกคิดว่าไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ด้วยความที่ตัวละครดูไม่ค่อยโดดเด่นให้น่าจดจำ คิดว่าต้องใช้เวลาให้กับการแสดงของเหล่าเด็กๆ สักพักว่าจะเข้าตาเรามั้ย ซึ่งมันต่างจากที่รุ่นพ่อๆ ของเด็กๆ เหล่านี้หน้าตามีความเป็น “ดารา” มากกว่ากลุ่มรุ่นใหม่มากๆ นั่นทำให้รู้สึกน่าติดตามตั้งแต่แรกเห็นใน That ‘70s Show มากกว่า That ‘90s Show เลย (เทียบกันแบบ First Impression)
ทีนี้ต้องมาลุ้นดูกันว่า EP ต่อๆ ไปจะโดนใจเรามากแค่ไหน คงต้องไปลุ้นกันถึงเนื้อเรื่องและการเล่าเรื่องมุขตลก รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่จะพารำลึกในยุค ‘90s ทั้งเพลง, แฟชั่น และ วัฒนธรรมอเมริกันในสมัยนั้น ว่าจะสื่อออกมาทำให้เรารู้สึกติดตามหรือไม่ ช่วงที่ดูในอีพีแรกนั้นก็แอบคิดว่า เค้าจะทำยังไงให้เรารู้สึกอยากดูในอีพีต่อไป สุดท้ายก็ปล่อยไพ่ไม้เด็ดตัวละครเก่าๆ แง้มๆ ออกมาให้เห็นบ้าง แต่นั่นล่ะสุดท้ายเราต้องมูฟออนจากของเดิมบ้างแล้วล่ะเหมือนที่เอริคและดอนน่ามาเป็นแค่แขกรับเชิญ แล้วมาลองเปิดใจดูสิ่งใหม่ๆ ถ้าไม่ตรงใจก็ข้ามไปดูซีรี่ย์หรือหนังเรื่องอื่นๆ ไปก่อน ไว้คิดถึงค่อยเปิดมาดูใหม่กัน
นักแสดงใน That ‘90s Show
- Kurtwood Smith รับบทเป็น Red Forman ปู่ของเลอา
- Debra Jo Rupp รับบทเป็น Kitty Forman ย่าของเลอา
- Callie Haverda รับบทเป็น Leia Forman (เลอา ฟอร์แมน) ลูกสาวของเอริคและดอนน่าจาก That ‘70s Show ที่ดูจากการตั้งชื่อแล้วก็รู้ว่าเป็นความเนิร์ดของพ่อ
- Ashley Aufderheide รับบทเป็น Gwen สาวดำแต่เป็นพั้งค์ Riot grrrl เป็นพี่น้องต่างพ่อกับ Nate (ต่างสีผิวด้วย) หากอ้างอิงตัวละครจาก That ‘70s Show เธอคงจะเหมือน Hyde
- Mace Coronel รับบทเป็น Jay Kelso ลูกชายของ Michael Kelso (Ashton Kutcher) และ Jackie Burkhart (Mila Kunis) จาก That ‘70s Show หล่อและเจ้าชู้เหมือนพ่อ
- Reyn Doi รับบทเป็น Ozzie เด็กหน้าตี๋และเปิดเผยว่าเป็นเกย์ ถ้าให้อ้างอิง That ‘70s Show คงจะเหมือน Fez
- Sam Morelos รับบทเป็น Nikki สาวลูกครึ่งแฟนของ Nate คงเป็นตัวแทนของแจ็คกี้จาก That ‘70s Show
- Maxwell Acee Donovan รับบทเป็น Nate Runck คนเซ่อๆ สบายๆ และรักสนุกไปวันๆ บุคคลิกแบบนี้จะเป็นแบบใครไปไม่ได้นอกจาก Michael Kelso ใน That ‘70s Show
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ