“The Cable Guy” ชื่อไทย เดอะ เคเบิ้ล กาย เป๋อจิตไม่ว่าง เป็นภาพยนตร์ตลกร้ายที่ออกฉายในปี 1996 กำกับโดย Ben Stiller และเขียนบทโดย Lou Holtz Jr. และ Chris Elliott นอกจากความตลกของจิม แครี่แล้ว เรื่องนี้ยังเป็นการเสียดสีความหลงใหลในเทคโนโลยีและวัฒนธรรมสื่อในช่วงยุค 90s ของอเมริกา
จิม แครี่รับบทเป็นช่างติดตั้งเคเบิ้ลทีวี เป็นบุคคลลึกลับที่ดูน่ารำคาญนิดๆ และโดดเดี่ยว ดูลักษณะแบบป่วยจิตหน่อยๆ ไปติดตั้งเคเบิ้ลให้กับลูกค้าใหม่ สตีเวน โคแวคส์(Matthew Broderick) ในขณะที่หนังดำเนินไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มมองเห็นการกระทำช่างเคเบิ้ลคนนี้ดูพิลึกๆ และ เริ่มดูอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สตีเว่น เริ่มไม่แน่ใจว่าจะผูกมิตรกับช่างเคเบิ้ลทีวีแปลกหน้าคนนี้ดีหรือไม่
การแสดงตลกของจิม แครี่อยู่ในช่วงพีคๆ ของเค้าเลยในขณะนั้น พีคขนาดที่ว่าค่าตัวจากเรื่องนี้สูงถึง $20 ล้าน ขณะที่พระเอกอย่างแมทธิว บรอเดอริกรับอยู่ที่ $2ล้าน แต่นั่นก็จะได้เห็นการถ่ายทอดความตลกและน่ากลัวออกมา แสดงให้เห็นถึงความสามารถรอบด้านจากจิม แครี่
ส่วนเนื้อเรื่องนั้นจะเล่าถึงการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปและส่งผลกระทบต่อผู้คนให้รู้สึกโดดเดี่ยว เป็นการกึ่งๆ วิพากษ์วิจารณ์ภาพจำของสื่อในทศวรรษที่ 90 ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมทางอ้อม โดยมีองค์ประกอบเชิงเสียดสีมากมายที่ยังคงเกี่ยวข้องจนถึงปัจจุบัน
หากเปรียบช่างเคเบิ้ลเป็นตัวแทนของคนที่ยึดติดกับสมาร์ทโฟนและอินเทอร์เน็ตในยุคนี้นั้น เราก็จะเห็นผลกระทบที่คนยังรู้สึกโดดเดี่ยวจากการมีเทคโนโลยี พอๆ กันกับในปี 1996 ของหนังเลย การปล่อยให้เทคโนโลยีกลืนกินชีวิตคนๆ หนึ่งจากที่หนังจะสื่อ แม้จะออกฉายมาเกือบสามทศวรรษ นั่นทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเสียดสีที่ไร้กาลเวลา
โดยในหนังจะทำนายอนาคตอีกไว้ว่า “ในไม่ช้าชาวอเมริกันจะมีสิ่งนึงที่รวม โทรทัศน์, โทรศัพท์ และคอมพิวเตอร์ เข้าด้วยกัน คุณจะสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ได้หรือชมมวยปล้ำหญิงก็ได้ คุณสามารถสั่งซื้อขณะที่ไม่ต้องออกนอกบ้าน หรือจะเล่นเกมส์ Mortal Kombat กับเพื่อนที่อยู่ในเวียดนามก็ยังได้” ใครจะไปรู้ว่าหลังหนังออกไม่ถึง 10 ปี เราก็ได้เห็นสิ่งเหล่านั้นกันหมดเลยจริงๆ
และตัวภาพยนตร์เองในส่วนอื่นๆ ก็ยังเต็มไปด้วยการอ้างอิงถึงวัฒนธรรมป๊อปและสื่อต่างๆ ที่เกิดขึ้นในยุคนั้น มีดารารับเชิญจากบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคน เช่น โอเว่น วิลสัน, บ็อบ โอเดนเคิร์ก, แจ็ค แบล็ค และเบน สติลเลอร์เอง ตลอดจนการล้อเลียนรายการทีวีและภาพยนตร์ยอดนิยม ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเต็มไปด้วยมุกตลกที่แบบดูซ้ำๆ ก็ยังขำกับมันได้
โดยสรุปแล้ว “The Cable Guy” ( เดอะ เคเบิ้ล กาย เป๋อจิตไม่ว่าง) เป็นภาพยนตร์แนวตลกร้าย ที่ทั้งตลกขบขันและกระตุ้นความคิด นำเสนอการเสียดสีวัฒนธรรมสื่อและอันตรายของความหมกมุ่น ด้วยการแสดงที่โคตรจะฮาตามมาตรฐานของจิม แครี่ และ แมทธิว บรอเดอริค และมีความเป็นยุค 90s มากมายให้อ้างอิงถึงวัฒนธรรมป๊อป คิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นสิ่งที่แฟน ๆ ของจิม แครี่และผู้คลั่งไคล้ในวัฒนธรรมป๊อปยุคนั้นควรต้องดู และมีให้ดูใน NETFLIX ด้วยครับ
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ