Missing (เสิร์ชหา..แม่หาย!?) นั้นกำกับโดย Nicholas D. Johnson และ Will Merrick ซึ่งทั้งสองหน่อนี้เคยทำงานตัดต่อภาพยนตร์ให้กับโปรดิวเซอร์ของเรื่องนี้และผู้กำกับ “Aneesh Chaganty” จากเรื่อง Searching (2018) และ Run (2020) ซึ่ง Aneesh เองก็เป็นคนแต่งเรื่อง Missing (2023), Searching และ Run ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทั้ง 3 เรื่องนี้นั้นเป็นจักรวาลเดียวกัน โดยมี easter eggs จากสองเรื่องก่อนหน้าปะปนอยู่ในเรื่อง Missing อยู่ด้วย
วิธีการดำเนินเรื่องของ Missing นั้นก็ดำเนินรอยตาม Searching แบบชัดเจน การใช้ภาพจากกล้องหน้าของแลปท็อป หรือ โทรศัพท์ แบบวิดีโอคอลทั้งแบบโทรออกหรือกำลังเตรียมโทรออก นอกจากนั้นก็เป็นหน้าจอของโปรแกรมหรือหน้าเว็บจากคอมพิวเตอร์ หรือหน้าจอโทรศัพท์จากแอปต่างๆ รวมถึงการใช้กล้องวงจรปิดหรือข่าวจากทีวีเป็นเป็นภาพเล่าเรื่องแทนมุมกล้องที่เราเห็นในภาพยนตร์ทั่วๆไป ถือว่าคงคอนเซ็ปมุมมองของคน Gen Z ลงไปอย่างชัดเจน
การดำเนินเรื่องก็อาศัยวิธีการเล่าหลอกล่อคนดูให้คล้อยตามแล้วหักมุมทีหลัง ซึ่งก็ถือว่าแม้ไม่ใช่สิ่งใหม่ในเรื่องวิธีการ แต่ก็ถือว่าลำดับภาพออกมาให้เราลุ้นเอาใจช่วยให้คลายความจริงออกมาได้ดี และแม้ว่าจะมีช่องโหว่ไปบ้างเล็กๆ น้อยๆ ก็ถือว่ายังทำออกมาได้ดี การแสดงของ Storm Reid ในบทจูน ลูกสาวของเกรซ(Nia Long) ที่ตามหาแม่ที่หายผ่านช่องทางทุกทางที่วัยรุ่นรุ่นใหม่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบเข้า Gmail เผื่อไล่ดู Timeline ใน Google maps , การค้นหาประวัติของแฟนใหม่ของแม่ ไม่ว่าจะเป็นเว็บเดทต่างๆ ถือว่าถ่ายทอดความเชี่ยวชาญและความตั้งใจจะช่วยแม่ออกมาได้ดี และเหล่านักแสดงสมทบอย่างเจ้าหน้าที่ FBI และฮาวี่ (Joaquim de Almeida) ที่อยู่ในโคลัมเบียลงแรงช่วยอีกทาง ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยเรายึดเหนี่ยวกับจูนบัคได้อย่างดี
หนังเรื่องนี้มีระยะเวลา 1 ชั่วโมง 51 นาที จังหวะของการดำเนินเรื่องก็ถือว่าไม่มีช่วงอืดเท่าไหร่ คงเพราะว่าการตัดต่อแบบคนรุ่นใหม่ ฉับไวและชัดเจน นั่นก็พอจะบอกได้ว่าหนังเรื่องนี้ก็มีดีพอที่จะลองดูแบบไม่มีอะไรเสียหาย หรือ เสียเวลาเป็นแน่ๆ หาชมได้ใน Netflix ตอนนี้เลย
อยากจะเขียนอะไรก็เขียนอ่ะครับ แต่ถ้าเขียนผิดหรือตกหล่นไปก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ