Skip to content

[รีวิว] หลานม่า : How to Make Millions Before Grandma Dies (2024)

เวลาที่ใช้อ่าน : < 1 นาที

หลังจากที่เห็นกระแสฟีเวอร์ของ “หลานม่า” ในโซเชียลมีเดียและโฆษณาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเสียงตอบรับจากคนรอบตัวที่พูดถึงว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ต่อมน้ำตาแตกกันไปตามๆ กัน และยังสามารถทำรายได้สูงถึงหลักพันล้านบาท จึงอดใจรอวันที่จะได้ดูบน Netflix ไม่ไหว

เมื่อได้เห็นชื่อภาษาอังกฤษของภาพยนตร์ How to Make Millions Before Grandma Dies ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องราวอาจเกี่ยวกับการชิงสมบัติของอาม่า แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะแทนที่จะเป็นการต่อสู้แย่งสมบัติ ภาพยนตร์นี้นำเสนอเรื่องราวความสัมพันธ์ที่อบอุ่นระหว่างอาม่ากับหลาน โดยเน้นไปที่การเข้าใจกันและกันระหว่างคนสองเจเนอเรชั่น

พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เลือกใช้การเล่าเรื่องที่จับต้องได้และสื่อถึงสังคมไทยอย่างลึกซึ้ง ผ่านการจัดวางภาพและฉากที่เรียบง่ายแต่งดงาม คล้ายกับงานภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่เน้นความสมจริงในชีวิตประจำวัน แม้ว่างานภาพอาจจะไม่ได้เป็นจุดขายหลัก แต่ก็สามารถดึงดูดความรู้สึกและสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นไปพร้อมกับเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี

หัวใจหลักของเรื่องอยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่าง “อาม่าเหม้งจู” และหลานชาย “เอ็ม” การแสดงของ อุษา เสมคำ ในบทอาม่า และ บิวกิ้น ในบทเอ็ม ถ่ายทอดอารมณ์และความเป็นจริงของคนสองวัยได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะบทอาม่าที่สะท้อนบุคลิกแบบคนจีนสูงวัยได้อย่างธรรมชาติ การสานสัมพันธ์ระหว่างอาม่าและหลานคือสิ่งที่ผลักดันเรื่องราวไปข้างหน้า โดยไม่เน้นที่การชิงสมบัติอย่างที่คาดเดา แต่กลับมุ่งเน้นไปที่ความเข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมช่องว่างระหว่างเจเนอเรชั่น Silent Generation ของอาม่า กับ Gen Z ของเอ็ม และตัวละครสมทบวัยผู้ใหญ่สามพี่น้องลูกของอาม่าคือ “กู๋เคี้ยง”, “กู๋โส่ย” และ แม่ของเอ็ม “ซิว” ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของ Gen Baby Boomers / Gen X ผสมผสานเรื่องสังคมไทย-จีนในยุคปัจจุบันออกมาได้ให้คนส่วนใหญ่รู้สึกอิน การสะท้อนความจริงตรงนี้เองอาจจะทำให้เข้าถึงคนในสังคมได้มาก เลยทำให้น้ำตาแตกกันทั้งโรง

แม้ว่าภาพยนตร์ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพัฒนาและสานสัมพันธ์ระหว่างอาม่าและหลาน ซึ่งกินเวลากว่า 2 ชั่วโมง แม้การดำเนินเรื่องจะไม่ได้รู้สึกเบื่อ แต่ก็รู้สึกว่ายังขาดการดึงอารมณ์ให้ถึงจุดที่ตรึงใจแบบภาพยนตร์ฝรั่งเศสอย่าง The Intouchables (2011) ที่สามารถสร้างความประทับใจได้ลึกซึ้งกว่า ถึงอย่างนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นการพัฒนาของวงการภาพยนตร์ไทยที่น่าชื่นชม ที่สามารถดึงคนดูให้เปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และหลากหลายในการชมภาพยนตร์ในไทยบ้างล่ะครับ และเชื่อว่า หลานม่า จะกลายเป็นหนึ่งในหนังไทยที่ขึ้นหิ้งในอนาคตได้อย่างแน่นอน

เนื้อเรื่องย่อ

เอ็ม (บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) ตัดสินใจดร็อปเรียนตอนปีสี่ เพื่อมาเอาดีทางการเป็นนักแคสต์เกม แต่ทํายังไงก็ไม่รุ่ง เอ็มเลยคิดจะรวยด้วยการทํางานสบายๆ แบบ มุ่ย (ตู-ต้นตะวัน ตันติเวชกุล) ลูกพี่ลูกน้องที่รับดูแลอากงที่ป่วยระยะสุดท้าย จนกลายเป็นทายาทคนเดียวที่ได้รับมรดกเป็นบ้านราคากว่าสิบล้าน

เส้นทางการเป็น เศรษฐีรออยู่ตรงหน้า เอ็มจึงอาสาไปดูแล อาม่า (แต๋ว-อุษา เสมคำ) ที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งและน่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินปี โดยหวังจะได้มรดกหลักล้านเช่นกัน เมื่อหลานกับม่าที่อายุห่างกันกว่า 50 ปี ต้องมาอยู่ร่วมกัน การต่อปากต่อคําจึงเกิดขึ้นในทุกโมเมนต์ แต่มันกลับ เป็นช่วงเวลาที่ทําให้อาม่าลืมเหงา จากการเฝ้ารอลูกชายคนโตอย่าง กู๋เคี้ยง (ดู๋-สัญญา คุณากร) ลูกสาวคนกลาง อย่าง แม่ของเอ็ม (เจีย-สฤญรัตน์ โทมัส) และลูกชายคนเล็กอย่าง กู๋โส่ย (เผือก-พงศธร จงวิลาส) ที่จะมาพร้อมหน้ากันตามเทศกาลต่างๆ เท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่างานที่เริ่มต้นทําเพราะหวังรวย จะทําให้คนห่วยๆ อย่างเอ็มได้รู้ว่า คําว่า “ครอบครัว” มีค่ามากกว่าเงิน

‘หลานม่า’ 
ภาพยนตร์ที่บันทึกช่วงเวลามีค่า
ของสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว

แสดงความคิดเห็น : Kitchen Rai

Your email address will not be published. Required fields are marked *